รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียกล่าวหาสหรัฐฯ ในวันนี้ (28 พ.ค.) ว่าก้าวก่ายนอกเขตอำนาจศาลของตนในการจับกุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า)
ปูตินกล่าวว่า การจับกุมในสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวานนี้ (27) เป็น “ความพยายามอย่างชัดเจน” ที่จะขัดขวางการลงเลือกอีกครั้งของ เซฟฟ์ แบลตเตอร์ ประธานฟีฟ่าในสัปดาห์นี้ แต่ระบุว่านายใหญ่ลูกหนังโลกวัย 79 ปีรายนี้มีรัสเซียหนุนหลังอยู่
แวดวงกีฬาที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลกชนิดนี้ได้ตกลงสู่ความสับสนอลหม่านในสัปดาห์นี้ เมื่อเจ้าหน้าที่อาวุโส 7 คนของฟีฟ่าถูกจับกุมในข้อหาคอร์รัปชันของสหรัฐฯ พร้อมเตรียมถูกส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนจากแดนนาฬิกาไปเมืองลุงแซม
ทางการสวิตเซอร์แลนด์ยังประกาศการสืบสวนอาชญากรรมเกี่ยวกับกระบวนการเลือกเจ้าภาพของฟุตบอลโลก 2 ครั้งต่อไป ซึ่งรวมถึงการแข่งขันในปี 2018 ที่รัสเซีย
“หากมีอะไรเกิดขึ้น มันไม่ได้เกิดบนแผ่นดินสหรัฐฯ และสหรัฐฯ ไม่มีกงการที่จะต้องไปยุ่งเกี่ยวกับมัน” ปูตินกล่าว และเสริมว่า “นี่เป็นอีกความพยายามที่ชัดเจน (โดยสหรัฐฯ) ที่จะขยายอำนาจศาลของตนสู่ชาติอื่นๆ”
ปูตินตั้งข้อคำถามถึงสิทธิของวอชิงตันในการร้องขอการส่งตัวเจ้าหน้าที่ฟีฟ่ากลุ่มนี้ข้ามแดน โดยกล่าวอ้างถึง เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน เจ้าหน้าที่สัญญาจ้างของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ และ จูเลียน แอสซานจ์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์วิกิลีกส์ ที่ต่างหลบเลี่ยงการถูกดำเนินคดีในสหรัฐฯ ด้วยการลี้ภัยในต่างแดน
“น่าเสียดายที่หุ้นส่วนอเมริกันของเราใช้วิธีเช่นนี้เพื่อบรรลุเป้าหมายอันเห็นแก่ตัวของพวกเขา และจับคนมาดำเนินคดีอย่างผิดกฎหมาย ผมไม่ได้ตัดเรื่องนั้นออกในกรณีของฟีฟ่า มันเหมือนกันอย่างชัดเจน” ปูตินกล่าว
เขากล่าวว่า แบลตเตอร์ ประธานฟีฟ่าซึ่งกำลังเสนอตัวรับเลือกตั้งอีกครั้งเพื่อรั้งเก้าอี้เป็นสมัยที่ 5 ในคณะกรรมการบริหารฟีฟ่าที่นครซูริชในวันพรุ่งนี้ (29) ได้ถูกกดดันให้ถอดสิทธิ์ของรัสเซียในการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกปี 2018