เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ – หลังจากมีคำถามจาก thewoundedcashier ชื่อยูสเซอร์ของพนักงานแคชเชียร์สาวชาวอเมริกันตั้งคำถามผ่านบอร์เรดดิต ฟอรัม (Reddit) ว่าเธอต้องการทราบว่า เหตุใดนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางออกไปเยือนต่างประเทศ รวมไปถึงชาวจีนที่อพยพไปอาศัยอยู่ในประเทศอื่นๆจึงมีพฤติกรรมที่หยาบคาย และไม่เคารพกฎกติกาสังคมของประเทศนั้นๆ โดยผู้ตั้งคำถามต้องการอยากทราบข้อมูลแท้จริง โดยไม่ได้ต้องการถามนำเพื่อแสดงการกีดกันทางเชื้อชาติ และจากคำถามทำให้บีบีซีรายงานถึงผลตอบรับจากชาวจีนนับล้านทั่วโลก รวมไปถึงชาวต่างชาติที่ได้เคยสัมผัสชาวจีนในแดนมังกรแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
บีบีซีรายงานเมื่อวานนี้ถึง การแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างน่าทึ่งจากคำถามสุดธรรมดาจากหัวอกพนักงานแคชเชียร์หญิงชาวสหรัฐฯที่ให้บริการกับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนต้องโพสต์ถามบนบอร์ดเรดดิต ฟอรัม สุดโด่งดัง ว่าเหตุใดพฤติกรรมชาวจีนในต่างแดนจึง “ถูกจัดได้ว่าหยาบคาย” ติดอันดับโลก ซึ่งในปีที่ผ่านมา ชาวจีนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยสื่ออังกฤษชี้ว่า มีผู้โพสต์ความเห็นไม่ต่ำกว่า 2,000 โพสต์จากชาวจินจำนวนมากทั้งในจีนและทั่วโลก รวมไปถึงชาวต่างชาติที่ได้เคยอาศัยอยู่ในจีนได้ออกความเห็นอย่างน่าสนใจ
เนลสัน หว่อง (Nelson Wong) จากฮ่องกงให้ความเห็นว่า ทัศนคติแบบเหมารวมเช่นนี้บนโลกออนไลน์เช่นนี้มีทั้งส่วนที่จริง และส่วนที่ไม่ใช่ เช่นการทานอาหารด้วยเสียงอันดัง หรือการดื่มน้ำซุปด้วยเสียงอันดังเพื่อแสดงว่าอาหารอร่อยเป็นต้น
ส่วนทิม แกลเลิร์ต (Tim Gallert ) ชาวต่างชาติในเสฉวน จีนให้ความเห็นว่า “ในวัฒนธรรมจีน การขากถุยทั้งในตัวอาคารและนอกอาคารถือเป็นที่ยอมรับได้ ถึงแม้ว่าเด็กชาวจีนรุ่นใหม่จะไม่กระทำแล้วก็ตาม และการที่ทัวร์ชาวจีนมักจะส่งเสียงดังน่ารำคาญเป็นเพราะคนเหล่านั้นคุ้นเคยในประเทศที่มีผู้คนจำนวนมาก
และวินเซนต์ หนี่ (Vincent Ni) นักข่าวบีบีซีประจำจีนให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ในวัฒนธรรมที่แตกต่าง ผมไม่คิดว่าในจีนจะมีผู้คนเป็นจำนวนมากที่จะได้รับการอบรมให้เรียนรู้ในการเข้าสังคมเหมือนเช่นในยุโรปและสหรัฐฯ เป็นต้น
ซึ่งบีบีซีรายงานเพิ่มเติมว่า ผู้คนในเรดดิตต่างออกความคิดเห็น โดยตั้งสมมุติฐานโยงไปถึงประวัติสาสตร์จีน และผลกระทบที่หลงเหลือมายังลูกหลานแดนมังกรในทุกวันนี้ โดยย้อนไปถึงช่วงยุคปฎิวัติวัฒนธรรมของอดีตประธานาธิบดีจีน เหมา เจ๋อตง ในช่วงระหว่างปี 1966 – 1976 ว่า ในช่วงนั้นมีความอดยากมาก และประชาชนต่างยากจน จนทำให้ผู้คนต่างเรียนรู้ปรับตัวเพื่อมีชีวิตรอดโดยใช้สัญชาติญาณพื้นฐานของความเป็นมนุษย์เป็นหลักในการดำรงชีพ และเมื่อประชาชนเหล่านั้นต้องเติบโตภายใต้ความยากไร การเห็นแก่ตัวจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะถูกปลูกฝัง แต่ไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ แต่เป็นเพราะเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องกระทำ
ในขณะที่มีบางส่วนออกความเห็นว่า ไม่เพียงแต่ที่จีนที่จะมีนักท่องเที่ยวที่นิสัยแย่เพียงประเทศเดียว แต่ประเทศอื่นๆในตะวันตกต่างมีด้วยกันทั้งนั้นรวมไปถึง ยุโรปและสหรัฐฯ
ทั้งนี้ thewoundedcashier ชื่อยูสเซอร์บนเรดดิตได้โพสต์ข้อความคำถามในวันที่ 17 พฤษภาคม 2015 โดยเธอได้เล่าถึงความสงสัยในพฤติกรรมกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนว่า เหตุใดจึงมีนิสัยที่เห็นแก่ตัว และไม่มีความสุภาพ โดยเธอยืนยันว่าไม่ต้องการผูกโยงไปถึงการกีดกันสีผิว และชาติพันธุ์ อย่างแน่นอน เพราะสาวชาวอเมริกันผู้นี้ต้องการอยากทราบว่าเหตุใดนักท่องเที่ยวชาวจีนจึงมีพฤติกรรมแตกต่างเป็นอย่างมากจากนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ ที่เธอได้ผูกโยงประสบการณ์ในฐานะทำงานเป็นพนักงานแคชเชียร์พาร์ทไทม์ในร้านค้าแห่งหนึ่งในสหรัฐฯที่ต้องทนรับกับสภาพพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจากจีน และอีกทั้งจากข่าวหนังสือพิมพ์ที่ตีพิมพ์เผยแพร่ในสหรัฐฯถึงข่าวนักท่องเที่ยวจีนแสดงพฤติกรรมที่น่ารังเกียจในวัดร่องขุ่น ทางเหนือของไทย จนถึงขั้นต้องปิดประกาศระงับการให้นักท่องเที่ยวจากจีนเข้าชม และอีกทั้งยังมีวิดีโอคลิปเผยแพร่ถึงปัญหาการต่อแถวเข้าคิวของชาวจีนจากการโพสต์ของนักท่องเที่ยวไทยรายหนึ่ง
Thewoundedcashier ยังกล่าวต่อไปว่า จากประสบการณ์ในการทำงาน เธอสังเกตว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่งมาเยือนสหรัฐฯปฎิบัติต่อเธอและเพื่อนร่วมงานที่เป็นพนักงานในร้านด้วยพฤติกรรมที่หยาบคาย รวมไปถึงเพิกเฉยต่อคำกล่าวสวัสดีและคำถามของพนักงานร้าน แต่กลับใช้เสียงคำรามแทนที่จะพูดจา พร้อมกับโยนเงินให้แทนที่จะเป็นการยื่นให้กับมือตามปกติที่คนทั่วไปพึงกระทำ รวมไปถึงการต่อล้อต่อเถียงและไม่เป็นมิตร
ซึ่ง Thewoundedcashier ยืนยันว่า เธอเข้าใจดีว่านักท่องเที่ยวจีนเหล่านี้ไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ แต่ทว่าสิ่งที่สาวอเมริกันผู้นี้ต้องการสื่อคือ เหตุใดผู้คนจากวัฒนธรรมอื่นที่ไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ แต่ทว่ายังสามารถมีความสุภาพ และสามารถสื่อสารเพื่อแสดงถึงสิ่งที่ต้องการได้อย่างฉันมิตร โดยเธอเชื่อมั่นว่าสาเหตุเบื้องหลังของนิสัยสุดป่าเถื่อนของบรรดานักท่องเที่ยวจีนนั้นต้องมาจากอิทธิพลทางวัฒนธรรมจีนเป็นแน่แท้
แคชเชียร์สาวชาวอเมริกันกล่าวต่อไปว่า เธอได้ยินมาว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนที่หลั่งไหลออกท่องเที่ยวต่างประเทศนั้นส่วนใหญ่มาจากหมู่บ้าน และยากจน แต่ทว่าเหตุใดนักท่องเที่ยวเหล่านี้จึงสามารถมีกำลังทรัพย์มากพอในการท่องเที่ยวต่างประเทศได้ และพฤติกรรมที่ใช้ในต่างแดนเป็นพฤติกรรมเช่นเดียวกับปฏิบัติที่บ้านในจีนเช่นนั้นหรือ โดยเธอโยงนึกไปถึงวัฒนธรรมแบบสังคมแบบเกาะกลุ่ม (collectivist culture) ที่แสดงถึงการให้ความสำคัญของการรักษาหน้า และการให้ความสำคัญกับการยอมรับของผู้อื่น นั่นจะไม่ใช่สิ่งที่สังคมจีนยอมรับตามปกติเช่นนั้นหรือ และการแสดงออกของผู้คนชาวจีนในต่างแดนนั้นจะให้เธอเข้าใจว่า “เป็นการที่ประชาชนจีนแสดงความรู้สึกต่อผู้คนในวัฒนธรรมอื่นๆทั่วโลก” หรือไม่ ว่าแต่สิ่งนี้ที่แสดงอาการหยาบคาย เห็นแก่ตัว และไม่เคารพกติกาสังคมเป็นเรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นหรือหยั่งรากฝังลึกมาเนิ่นนานแล้วในจีน เพราะในความรู้สึกของ Thewoundedcashier นั้นมันช่างต่างจากที่เธอคาดหวังจาก ”วัฒนธรรมจีน” ในความรู้สึกของเธอ
และ Thewoundedcashier ยังกล่าวต่อไปว่า เธอได้ยินมาว่า รัฐบาลจีนได้พยายามแก้ไขในสิ่งนี้ แต่เธอยังไม่ทราบว่าผลสัมฤทธิเป็นเช่นไรในแนวทางที่รัฐบาลจีนได้ดำเนินการมา ซึ่งมีแนวทางอย่างไรบ้าง และ นอกจากนี้ Thewoundedcashier ในฐานะแคชเชียร์ที่ยังต้องพบปะกับนักท่องเที่ยวจีนยังตั้งคำถามด้วยว่า เธอขอคำแนะนำเชิงวัฒนธรรมที่จำเป็นต้องรู้ หรือเธอเพียงแต่ต้อง “ทนและยิ้มเข้าไว้”
และหลังจากได้คำตอบอย่างท่วมท้น เจ้าของโพสต์ได้ตอบกลับด้วยความยินดีว่า ขอขอบคุณต่อเพื่อนชาวจีนเป็นจำนวนมากที่ได้ให้คำแนะนำและการแลกเปลี่ยนที่แฝงไปด้วยประสบการณ์ส่วนตัวอย่างน่าสนใจ และ Thewoundedcashier หวังว่าคำถามของเธอตลอดจนข้อสงสัยจะไม่ทำให้ใครต้องขุ่นเคืองใจ เพราะเธอเพียงต้องการเข้าใจและเรียนรู้ “ปรากฏการณ์นักท่องเที่ยวจีนในต่างแดน” ที่โด่งดังไปทั่วโลก
ทั้งนี้มีหนึ่งในความเห็นที่อาศัยในอินเดียให้ความเห็นบนเรดดิตว่า อาจคล้ายคลึงกับในอินเดียที่มีการเหยียดหยามคนที่ต้องทำงานในภาคบริการ เพราะในอินเดีย ชนชั้นล่างมักจะทำงานโดยใช้แรงงานเข้าแลก เช่น เป็นคนงานหญิงในบ้าน หรือ คนขับรถ ซึ่งการทำงานเป็นพนักงานในร้านก็อาจได้รับการดูถูกด้วยเช่นกัน
โดยก่อนหน้านี้ในเดือนกุมภาพันพันธ์ สื่อต่างชาติต่างๆได้นำเสนอถึงรายงานกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนได้รับแจกคู่มือมารยาทการเข้าชมสถานที่สำหรับผู้ประสงค์เดินทางมาเยือนไทย จนกระทั่งทำให้ เดอะ ลิพ ทีวี สื่ออังกฤษ ต้องตั้งเป็นหัวข้อข่าวว่า “นักท่องเที่ยวจีนหยาบคายเกินกว่าที่ไทยจะทนรับได้”
เดอะลิพ ทีวียังรายงานเพิ่มเติมว่า ในหนังสือคู่มือนี้ที่พิมพ์เป็นภาษาจีนกลางได้อธิบายการเข้าชมสถานที่ อาทิ พิพิธภัณฑ์ เป็นต้นว่า ห้ามใช้มือจับภาพเขียนที่ประดับแสดง และยังมีคำเตือนที่น่าขบขันเป็นต้นว่า ห้ามใช้คลอง หรือคูเมืองเป็นเสมือนห้องน้ำสาธารณะแบบเปิดโล่ง การใช้ห้องน้ำสาธารณะอย่างมีมารยาท รวมไปไปถึงการขับขี่อย่างมีมารยาท
นอกจากนี้ในรายการยังมีการกล่าวถึงนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนได้ซักและตากกางเกงในและชุดชั้นในบนเก้าอี้ภายในสนามบินเชียงใหม่ของไทยด้านฝั่งขาออก
โดยในช่วงท้ายของรายการ ผู้จัดและผู้ให้ความเห็นได้เปรียบเทียบกับความคึกคะนองของวัยรุ่นอังกฤษ ที่เมาและอาละวาดและถูกจับเป็นกลุ่มใหญ่