เอเอฟพี - รัฐบาลอังกฤษประกาศอย่างเป็นทางการจะจัดทำประชามติว่าด้วยเรื่องการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปภายในปี 2017 โดยประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะต้องตอบคำถามที่ว่า “อังกฤษสมควรคงความเป็นสมาชิกสภาพยุโรปต่อไปหรือไม่”
คำถามดังกล่าวถูกระบุไว้ในร่างกฎหมายประชามติซึ่งรัฐบาลฝ่ายกลางขวาของนายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน เตรียมนำเข้าที่ประชุมสภาในวันนี้ (28 พ.ค.)
ในพิธีเปิดสมัยประชุมสภาประจำปีซึ่งจัดขึ้น ณ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ เมื่อวานนี้ (27) สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ ทรงแถลงถึงแผนการของรัฐบาลเกี่ยวกับการลงประชามติว่าด้วยการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป ซึ่งรัฐบาลใหม่อังกฤษเตรียมผ่านร่างกฎหมายหลายฉบับในปีแรกของการบริหารประเทศ รวมถึงการจัดลงประชามติดังกล่าวในช่วงสิ้นปี 2560
แหล่งข่าวในสำนักนายกฯ อังกฤษ ระบุว่า “นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปีที่ชาวอังกฤษจะได้มีโอกาสเลือกว่า เรามีสถานะอย่างไรกับอียู”
“คำถามนี้มีความชัดเจน เป็นหน้าที่ของประชาชนที่จะตัดสินใจแล้วว่า เราจะอยู่หรือไป”
คาเมรอนคาดหวังว่าร่างกฎหมายจะ “ผ่านฉลุย” เมื่อเข้าสู่สภา หลังจากที่พรรคคอนเซอร์เวทีฟของเขาคว้าชัยในศึกเลือกตั้งรัฐสภาเมื่อต้นเดือน และยังครองเสียงข้างมากอีกด้วย ขณะเดียวกันก็ไม่ปิดโอกาสที่จะเลื่อนทำประชามติให้เร็วขึ้นเป็นปี 2016 หากมีความเป็นไปได้
ผลสำรวจความคิดเห็นจากหลายสถาบันตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้พบว่า พลเมืองอังกฤษ 37-49 เปอร์เซ็นต์ยังต้องการให้อังกฤษเป็นสมาชิกอียูต่อไป ขณะที่ความต้องการแยกตัวอยู่ที่ราวๆ 34-44 เปอร์เซ็นต์
คำถามที่จะใช้สำหรับทำประชามติถูกแถลงอย่างเป็นทางการ ในขณะที่ คาเมรอน เริ่มเดินสายทัวร์ยุโรประหว่างวันที่ 28-29 พ.ค. เพื่อประกาศจุดยืนเรียกร้องการปฏิรูปหลายด้านในอียู เช่น ระบบบริหาร และการลดสวัสดิการสังคมแก่ผู้อพยพ เป็นต้น
คาเมรอนระบุว่า ตนยินดีจะหันมาสนับสนุนให้อังกฤษเป็นสมาชิกอียูต่อไป หากอียูยอมดำเนินการปฏิรูปไปในทิศทางที่ตนต้องการ
ไนเกล ฟาราจ ผู้นำพรรค ยูเค อินดิเพนเดนต์ ปาร์ตี (UKIP) ซึ่งมีจุดยืนลังเลสงสัยในสหภาพยุโรป ชี้ว่า คำถามที่รัฐบาลประกาศออกมาไม่ยุติธรรมสำหรับพลเมืองที่ต้องการแยกตัวจากอียู ทั้งยังกล่าวหา คาเมรอน ว่าไม่จริงใจปฏิรูป
“คาเมรอนพยายามใช้ถ้อยคำโน้มน้าวให้คนตอบว่า ‘ใช่’ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าการเจรจาของเขาก็แค่คำพูดหลอกลวง... เขาตัดสินใจไปแล้วว่าอยากจะให้คำตอบออกมาอย่างไร”
คาเมรอนจะเข้าพบและร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับนายกรัฐมนตรี มาร์ก รัตต์ แห่งเนเธอร์แลนด์ในวันนี้ (28) ก่อนจะเดินทางต่อไปยังฝรั่งเศสเพื่อร่วมโต๊ะอาหารค่ำกับประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ ออลลองด์
ในวันพรุ่งนี้ (29) เขาจะเดินทางไปยังกรุงวอร์ซอของโปแลนด์เพื่อหารือกับนายกรัฐมนตรี อีวา โคแพ็กซ์ ก่อนจะไปพบนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนีที่กรุงเบอร์ลิน
รัฐบาลอังกฤษประกาศเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า พลเมืองชาวอังกฤษ ไอริช และประเทศเครือจักรภพที่อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักร และมีอายุ 18 ปีขึ้นไป จะมีสิทธิโหวตในการทำประชามติครั้งนี้ได้ ในขณะที่พลเมืองอียูชาติอื่นๆ ในอังกฤษไม่ได้รับสิทธินี้ แม้ที่ผ่านมาพวกเขาจะสามารถลงคะแนนเลือกตั้งท้องถิ่น และเคยร่วมทำประชามติว่าด้วยการแยกตัวเป็นเอกราชในสกอตแลนด์เมื่อปีที่แล้วก็ตาม
