(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
‘Don’t cry for me’ Goldin chief loses $21 billion in 2 days
Author: Asia Unhedged
22/05/2015
พาน ซูทง ได้เห็นหุ้นของ โกลดิน ไฟแนนเชียล โฮลดิ้งส์ และ โกลดิน พร็อบเพอร์ตีส์ โฮลดิ้งส์ ซึ่งต่างจดทะเบียนซื้อขายที่ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ทะยานพุ่งทะลุฟ้าจนทำให้เขามีมูลค่าเพิ่มขึ้น 22,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ แต่แล้วในวันพุธ (20 พ.ค.) ที่ผ่านมา ได้เกิดกรณีฉาวโฉ่ขึ้นที่กลุ่มบริษัทจีนอีกแห่งหนึ่ง ทำให้ตลาดอยู่ในอาการช็อกและกระหน่ำเทขายหุ้น จนเขาสูญเสียผลกำไรเหล่านี้ไปเกือบทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่าเขาไม่ใส่ใจอะไรกับมันหรอก
คำพังเพยที่มีเนื้อหาว่า “อะไรมาง่ายก็ไปง่าย” หรือ “Easy come, easy go.” ในภาษาจีนก็มีเหมือนกัน
พาน ซูทง (Pan Sutong) ทำเงินได้ 22,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ แล้วก็สูญเสียไปเกือบทั้งหมด เขาบอกว่าเขาไม่แคร์หรอก สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานเมื่อวันพฤหัสบดี (21 พ.ค.) ที่ผ่านมา
ในปีนี้ พาน ได้เห็นหุ้นของ โกลดิน ไฟแนนเชียล โฮลดิ้งส์ (Goldin Financial Holdings) และ โกลดิน พร็อบเพอร์ตีส์ โฮลดิ้งส์ (Goldin Properties Holdings) ซึ่งต่างจดทะเบียนซื้อขายที่ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ทะยานพุ่งทะลุฟ้าไปกว่า 350% แต่แล้วในวันพุธ (20 พ.ค.) ที่ผ่านมา ก็เกิดกรณีฉาวโฉ่ขึ้นที่กลุ่มบริษัทจีนอีกรายหนึ่ง
กล่าวคือ ฮาเนอร์จี ธิน ฟิล์ม เพาเวอร์ กรุ๊ป (Hanergy Thin Film Power Group) สูญเสียมูลค่าไป 19,000 ล้านดอลลาร์ หลังจากที่ประธาน หลี่ เหอจิว์น (Li Hejun) ไม่ได้ไปปรากฏตัวในการประชุมประจำปีของบริษัทในวันพุธ (20) บลูมเบิร์กบอกว่า ราคาของหุ้นตัวนี้ได้พุ่งพรวดไป 6 เท่าตัวในปีที่แล้ว จนทำให้มันมีมูลค่ามากกว่า โซนี่ (Sony) เสียอีก แต่ในวันพุธดังกล่าว มันดำดิ่งลงมา 47% ภายในเวลา 24 นาทีก่อนที่จะถูกตลาดสั่งระงับการซื้อขาย
การหล่นพรวดของ ฮาเนอร์จี ทำเอาตลาดอยู่ในอาการช็อก และในเวลา 2 วัน หุ้นในเครือโกลดินทั้ง 2 ตัวได้สูญเสียมูลค่าไปรวมกันคิดเป็นเงินราวๆ 21,000 ล้านดอลลาร์
“มันไม่สามารถทำนายล่วงหน้าอะไรได้เลย เหมือนๆ กับบ่อนกาสิโนยังไงยังงั้น” ไนเจล เดวิส (Nigel Davis) อาจารย์อาวุโสแห่งภาควิชานิติศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยฮ่องกง (University of Hong Kong) บอกกับบลูมเบิร์ก “มันไม่ค่อยมีความสัมพันธ์กันระหว่างพวกปัจจัยพื้นฐานกับราคาหุ้นเอาเสียเลย มันจึงเป็นเกมการพนันมากกว่า”
สำหรับผู้ที่รู้จักมักจี่เป็นอันดีกับตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ฟังแล้วรู้สึกคุ้นๆ ไหมครับ
ในขณะที่มันเป็นเพียงตัวเลขผลกำไรบนแผ่นกระดาษ แต่ก็ยังคงส่งผลกระทบกระเทือนทางจิตวิทยาอย่างมหาศาล แต่คุณๆ อย่าได้รู้สึกเสียอกเสียใจแทน พาน ซูทง ไปเลยครับ เพราะตอนนี้เขาก็มีฐานะเป็นมหาเศรษฐีเจ้าพ่อวงการอิเล็กทรอนิกส์และอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกง ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพิ่งได้เลื่อนอันดับขึ้นพรวดไปอยู่อันดับ 4 ในรายชื่ออันดับมหาเศรษฐีเอเชียของบลูมเบิร์ก
แล้วเราก็ไม่ควรคิดว่าความสูญเสียในคราวนี้จะทำให้เขาต้องเปลี่ยนไลฟ์สไตล์หันมาประหยัดมัธยัสถ์มากขึ้น พานนั้นเป็นเจ้าของหุ้น โกลดิน ไฟแนนซ์อยู่ 70.3% และตั้งนานก่อนที่หุ้นตัวนี้จะพุ่งพรวด เขาก็ได้ซื้อทั้งเรือยอชต์ขนาด 115 ฟุต, เครื่องบินเจ็ตส่วนตัว “กัลฟ์สตรีม จี550”, บ้านอีกหลายหลังทั้งในลอนดอน, ฮ่องกง, ลอสแองเจลิส, เซี่ยงไฮ้, และเทียนจิน ตลอดจนบริษัทโบรกเกอร์ของเขาเอง พวกเจ้าของกิจการผู้ผลิตไวน์บอร์กโดที่เติบโตรวดเร็วที่สุด 5 แห่งในฝรั่งเศสเป็นเพื่อนซี้ของเขา แล้วตัวเขายังได้รับเชิญร่วมงานปาร์ตี้กับเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายเฮนรีแห่งราชวงศ์อังกฤษ
ส่วนสำหรับกลุ่มโกลดิน เอเชียอันเฮดจ์ก็ไม่เชื่อว่ามันจะมีอันหงายท้องนอนซี้แหงในเร็ววันนี้หรอก บริษัทนี้เพิ่งสร้างอาคารสำนักงานแห่งหนึ่งในฮ่องกงเสร็จหมาดๆ ซึ่งจะเริ่มต้นทำเงินได้ในปีหน้า นอกจากนั้นยังวางแผนจะกลายเป็นราชาของธุรกิจไวน์ โดยกำลังสร้างสถานที่เก็บเหล้าไวน์ขนาดมหึมาขึ้น 2 แห่งในพื้นที่เขตการค้าเสรีของเมืองเทียนจินและของเมืองกว่างโจว สุดท้าย ส่วนหนึ่งในธุรกิจของโกลดินก็คือกิจการด้านแฟคตอริ่ง (factoring) ที่คอยรับซื้อลดพวกหนี้ทางธุรกิจจากบริษัทผู้ผลิตอุตสาหกรรมต่างๆ
เมื่อถูกบลูมเบิร์กสอบถาม สิ่งที่ พาน พูดถึงเกี่ยวกับการสูญเสียอย่างมหึมาคราวนี้ก็คือ “คนที่รวยจริงๆ นะ เขาจะไม่นับทรัพย์สมบัติของเขากันทุกเมื่อเชื่อวันหรอก มันจะเป็นการดีกว่าไหม ถ้าหากคุณจะถอนชื่อผมออกจากรายชื่อ (มหาเศรษฐีเอเชียของบลูมเบิร์ก) เสียเลย”
(จากคอลัมน์ Asia Unhedged ในเอเชียไทมส์)
‘Don’t cry for me’ Goldin chief loses $21 billion in 2 days
Author: Asia Unhedged
22/05/2015
พาน ซูทง ได้เห็นหุ้นของ โกลดิน ไฟแนนเชียล โฮลดิ้งส์ และ โกลดิน พร็อบเพอร์ตีส์ โฮลดิ้งส์ ซึ่งต่างจดทะเบียนซื้อขายที่ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ทะยานพุ่งทะลุฟ้าจนทำให้เขามีมูลค่าเพิ่มขึ้น 22,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ แต่แล้วในวันพุธ (20 พ.ค.) ที่ผ่านมา ได้เกิดกรณีฉาวโฉ่ขึ้นที่กลุ่มบริษัทจีนอีกแห่งหนึ่ง ทำให้ตลาดอยู่ในอาการช็อกและกระหน่ำเทขายหุ้น จนเขาสูญเสียผลกำไรเหล่านี้ไปเกือบทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่าเขาไม่ใส่ใจอะไรกับมันหรอก
คำพังเพยที่มีเนื้อหาว่า “อะไรมาง่ายก็ไปง่าย” หรือ “Easy come, easy go.” ในภาษาจีนก็มีเหมือนกัน
พาน ซูทง (Pan Sutong) ทำเงินได้ 22,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ แล้วก็สูญเสียไปเกือบทั้งหมด เขาบอกว่าเขาไม่แคร์หรอก สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานเมื่อวันพฤหัสบดี (21 พ.ค.) ที่ผ่านมา
ในปีนี้ พาน ได้เห็นหุ้นของ โกลดิน ไฟแนนเชียล โฮลดิ้งส์ (Goldin Financial Holdings) และ โกลดิน พร็อบเพอร์ตีส์ โฮลดิ้งส์ (Goldin Properties Holdings) ซึ่งต่างจดทะเบียนซื้อขายที่ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ทะยานพุ่งทะลุฟ้าไปกว่า 350% แต่แล้วในวันพุธ (20 พ.ค.) ที่ผ่านมา ก็เกิดกรณีฉาวโฉ่ขึ้นที่กลุ่มบริษัทจีนอีกรายหนึ่ง
กล่าวคือ ฮาเนอร์จี ธิน ฟิล์ม เพาเวอร์ กรุ๊ป (Hanergy Thin Film Power Group) สูญเสียมูลค่าไป 19,000 ล้านดอลลาร์ หลังจากที่ประธาน หลี่ เหอจิว์น (Li Hejun) ไม่ได้ไปปรากฏตัวในการประชุมประจำปีของบริษัทในวันพุธ (20) บลูมเบิร์กบอกว่า ราคาของหุ้นตัวนี้ได้พุ่งพรวดไป 6 เท่าตัวในปีที่แล้ว จนทำให้มันมีมูลค่ามากกว่า โซนี่ (Sony) เสียอีก แต่ในวันพุธดังกล่าว มันดำดิ่งลงมา 47% ภายในเวลา 24 นาทีก่อนที่จะถูกตลาดสั่งระงับการซื้อขาย
การหล่นพรวดของ ฮาเนอร์จี ทำเอาตลาดอยู่ในอาการช็อก และในเวลา 2 วัน หุ้นในเครือโกลดินทั้ง 2 ตัวได้สูญเสียมูลค่าไปรวมกันคิดเป็นเงินราวๆ 21,000 ล้านดอลลาร์
“มันไม่สามารถทำนายล่วงหน้าอะไรได้เลย เหมือนๆ กับบ่อนกาสิโนยังไงยังงั้น” ไนเจล เดวิส (Nigel Davis) อาจารย์อาวุโสแห่งภาควิชานิติศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยฮ่องกง (University of Hong Kong) บอกกับบลูมเบิร์ก “มันไม่ค่อยมีความสัมพันธ์กันระหว่างพวกปัจจัยพื้นฐานกับราคาหุ้นเอาเสียเลย มันจึงเป็นเกมการพนันมากกว่า”
สำหรับผู้ที่รู้จักมักจี่เป็นอันดีกับตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ฟังแล้วรู้สึกคุ้นๆ ไหมครับ
ในขณะที่มันเป็นเพียงตัวเลขผลกำไรบนแผ่นกระดาษ แต่ก็ยังคงส่งผลกระทบกระเทือนทางจิตวิทยาอย่างมหาศาล แต่คุณๆ อย่าได้รู้สึกเสียอกเสียใจแทน พาน ซูทง ไปเลยครับ เพราะตอนนี้เขาก็มีฐานะเป็นมหาเศรษฐีเจ้าพ่อวงการอิเล็กทรอนิกส์และอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกง ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพิ่งได้เลื่อนอันดับขึ้นพรวดไปอยู่อันดับ 4 ในรายชื่ออันดับมหาเศรษฐีเอเชียของบลูมเบิร์ก
แล้วเราก็ไม่ควรคิดว่าความสูญเสียในคราวนี้จะทำให้เขาต้องเปลี่ยนไลฟ์สไตล์หันมาประหยัดมัธยัสถ์มากขึ้น พานนั้นเป็นเจ้าของหุ้น โกลดิน ไฟแนนซ์อยู่ 70.3% และตั้งนานก่อนที่หุ้นตัวนี้จะพุ่งพรวด เขาก็ได้ซื้อทั้งเรือยอชต์ขนาด 115 ฟุต, เครื่องบินเจ็ตส่วนตัว “กัลฟ์สตรีม จี550”, บ้านอีกหลายหลังทั้งในลอนดอน, ฮ่องกง, ลอสแองเจลิส, เซี่ยงไฮ้, และเทียนจิน ตลอดจนบริษัทโบรกเกอร์ของเขาเอง พวกเจ้าของกิจการผู้ผลิตไวน์บอร์กโดที่เติบโตรวดเร็วที่สุด 5 แห่งในฝรั่งเศสเป็นเพื่อนซี้ของเขา แล้วตัวเขายังได้รับเชิญร่วมงานปาร์ตี้กับเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายเฮนรีแห่งราชวงศ์อังกฤษ
ส่วนสำหรับกลุ่มโกลดิน เอเชียอันเฮดจ์ก็ไม่เชื่อว่ามันจะมีอันหงายท้องนอนซี้แหงในเร็ววันนี้หรอก บริษัทนี้เพิ่งสร้างอาคารสำนักงานแห่งหนึ่งในฮ่องกงเสร็จหมาดๆ ซึ่งจะเริ่มต้นทำเงินได้ในปีหน้า นอกจากนั้นยังวางแผนจะกลายเป็นราชาของธุรกิจไวน์ โดยกำลังสร้างสถานที่เก็บเหล้าไวน์ขนาดมหึมาขึ้น 2 แห่งในพื้นที่เขตการค้าเสรีของเมืองเทียนจินและของเมืองกว่างโจว สุดท้าย ส่วนหนึ่งในธุรกิจของโกลดินก็คือกิจการด้านแฟคตอริ่ง (factoring) ที่คอยรับซื้อลดพวกหนี้ทางธุรกิจจากบริษัทผู้ผลิตอุตสาหกรรมต่างๆ
เมื่อถูกบลูมเบิร์กสอบถาม สิ่งที่ พาน พูดถึงเกี่ยวกับการสูญเสียอย่างมหึมาคราวนี้ก็คือ “คนที่รวยจริงๆ นะ เขาจะไม่นับทรัพย์สมบัติของเขากันทุกเมื่อเชื่อวันหรอก มันจะเป็นการดีกว่าไหม ถ้าหากคุณจะถอนชื่อผมออกจากรายชื่อ (มหาเศรษฐีเอเชียของบลูมเบิร์ก) เสียเลย”
(จากคอลัมน์ Asia Unhedged ในเอเชียไทมส์)