ไอเอสครองพื้นที่ซีเรีย “ครึ่งประเทศ” หลังบุกยึดเมืองโบราณ “พัลไมรา” ได้ทั้งเมือง

รอยเตอร์/เอเอฟพี - กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ครองพื้นที่ราว “ครึ่งหนึ่ง” ของซีเรีย หลังบุกเข้ายึดเมืองโบราณพัลไมราได้ทั้งเมืองในวันนี้ (21 พ.ค.) ทำให้โบราณสถานในยุคก่อนอิสลามที่ได้รับยกย่องเป็นมรดกโลกเสี่ยงถูกทำลาย

ไอเอส ประกาศผ่านสื่อทวิตเตอร์วันนี้ (21 พ.ค.) ว่า เมืองพัลไมราซึ่งตั้งอยู่ทางตอนกลางของซีเรียตกอยู่ในความควบคุมของพวกเขาอย่างสมบูรณ์ รวมไปถึงฐานทัพอากาศและเรือนจำ หลังจากที่กองกำลังฝ่ายรัฐบาลซีเรียถูกตี “แตกพ่าย” และทิ้งร่างผู้เสียชีวิตเอาไว้เต็มจัตุรัสใจกลางเมือง

ศูนย์สังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรีย (Syrian Observatory for Human Rights) ซึ่งมีฐานอยู่ในกรุงลอนดอน เผยตรงกันว่า ไอเอสซึ่งเป็นนักรบสุหนี่ที่แตกสาขามาจากเครือข่ายอัลกออิดะห์บุกทะลวงเข้าไปในเมืองพัลไมราได้สำเร็จ และเข้าควบคุมฐานทัพอากาศ เรือนจำ รวมถึงสำนักงานข่าวกรองในเมือง

รามี อับดุลเราะห์มาน ผู้อำนวยการศูนย์สังเกตการณ์ฯ ชี้ว่า การปะทะที่เกิดขึ้นในเมืองพัลไมราตั้งแต่วานนี้ (20) ทำให้กองกำลังฝ่ายรัฐบาลซีเรียถูกสังหารไปอย่างน้อย 100 คน และนับเป็นครั้งแรกที่ไอเอสสามารถนำกำลังเข้าแย่งชิงเมืองไปจากกองทัพและกลุ่มติดอาวุธที่เป็นพันธมิตรกับประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ได้โดยตรง

ตามข้อมูลของศูนย์แห่งนี้ กลุ่มไอเอสสามารถยึดพื้นที่ในซีเรียได้ประมาณ 95,000 ตารางกิโลเมตร หรือเท่ากับครึ่งหนึ่งของประเทศ

สถานีโทรทัศน์แห่งชาติซีเรียรายงานเมื่อค่ำวานนี้ (20) ว่า ทหารฝ่ายรัฐบาลล่าถอยออกจากพัลไมรา หลังจากที่ช่วยอพยพพลเรือนส่วนใหญ่ไปยังสถานที่ปลอดภัยแล้ว

“พวกไอเอสบุกโจมตีพัลไมรา เพราะต้องการทำลายสังคมและอารยธรรมของชาวซีเรีย” หัวหน้ากองโบราณวัตถุซีเรียให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวซานา และยังเผยกับรอยเตอร์วานนี้ (20) ด้วยว่า รูปสลักโบราณหลายร้อยชิ้นถูกขนย้ายออกมาแล้ว ทว่าพิพิธภัณฑ์ของเมืองและโบราณสถานขนาดใหญ่ยังเสี่ยงที่จะถูกพวกไอเอสทำลายจนราบคาบ

ซากเมืองโบราณพัลไมราตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองใหม่ซึ่งมีชื่อเรียกในภาษาอาหรับว่า “ตัดมูร์” (Tadmur)

โมฮัมหมัด ฮัสซัน อัล-ฮอมซี นักเคลื่อนไหวซึ่งมีถิ่นพำนักอยู่ในพัลไมรา ระบุว่า “ทหารซีเรียถูกตีแตกกระเจิง และยอมถอนกำลังออกจากที่มั่นโดยไม่มีการต่อต้าน”

การเสียเมืองซึ่งเคยเป็นอู่อารยธรรมโบราณ และจุดพักกองคาราวานบนเส้นทางสายไหม (Silk Road) ให้กับไอเอส ทำให้เป็นน่าหวั่นเกรงว่าซากวิหารและเสากลมขนาดใหญ่อายุหลายพันปีในพัลไมราอาจต้องเผชิญชะตากรรมไม่ต่างจากโบราณสถานในอิรักที่ถูกนักรบญิฮาดทุบทำลายอย่างไม่เห็นคุณค่า

นอกจากความสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์และโบราณคดีแล้ว พัลไมรายังถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เพราะตั้งอยู่บนจุดบรรจบของทางหลวงสายตะวันตกที่มุ่งสู่กรุงดามัสกัสและเมืองฮอมส์ กับสายตะวันออกที่มุ่งไปยังอิรัก

ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน กลุ่มไอเอสก็สามารถรุกคืบเข้ายึดเมืองรามาดี เมืองเอกของจังหวัดอันบาร์ในอิรัก ซึ่งถือเป็นความพ่ายแพ้เชิงยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่สำหรับรัฐบาลแบกแดดและสหรัฐฯ