เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันปรับลดเมื่อวันพฤหัสบดี (14 พ.ค.) ท่ามกลางกังวลต่อปัญหาอุปทานล้นตลาด ส่วนวอลล์สตรีทพุ่งแรง นักลงทุนคาดเฟดอาจคงดอกเบี้ยไปจนถึงปลายปี หลังพบข้อมูลทางเศรษฐกิจที่น่ากังวล ปัจจัยนี้ฉุดให้ดอลลาร์อ่อนค่าและดันทองคำแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน
น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 62 เซ็นต์ ปิดที่ 59.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 22 เซ็นต์ ปิดที่ 66.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ข้อมูลคลังน้ำมันดิบสำรองของสหัฐฯ ที่ลดลงท่ามกลางการปรับลดการขุดเจาะ ช่วยผลักให้ราคาน้ำมันฟื้นคืนราวร้อยละ 40 นับตั้งแต่ดำดิ่งแตะระดับ 45 ดอลลาร์ในช่วงกลางเดือนมีนาคม
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันกลับมาขยับลงอีกครั้งใน 2 วันหลังสุด อันเนื่องจากตัวเลขที่พบว่าปริมาณการผลิตของอเมริกาเพิ่มขึ้น 5,000 บาร์เรลต่อวัน เป็น 9.374 ล้านบาร์เรลต่อวัน กระพือความกังวลต่อภาวะอุปทานล้นตลาดขึ้นมาอีกรอบ
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดี (14 พ.ค.) ปิดบวกแรง โดยเอสแอนด์พี 500 ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลอีกครั้ง หลังมีความคาดหมายมากขึ้นเรื่อยๆว่าธนาคารกลางอเมริกา (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำไปอย่างน้อยจนถึงเดือนกันยายน
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 191.75 จุด (1.06 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 18,252.24 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 22.62 จุด (1.08 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,121.10 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 69.11 จุด (1.39 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,050.80 จุด
ด้วยดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นก่อนหน้านี้และราคาน้ำมันระดับต่ำช่วยยับยั้งดัชนีราคาผู้ผลิต ซึ่งเป็นตัววัดภาวะเงินเฟ้อ ในเดือนเมษายน สนับสนุนมุมมองว่าเฟดอาจยังไม่เร่งรีบและอาจรอจนถึงปลายปีแล้วค่อยขึ้นดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ฉุดดอลลาร์อ่อนค่าลง 3 วันติดในวันพฤหัสบดี (14 พ.ค.) จนเกือบแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม และปัจจัยนี้ผลักให้ราคาทองคำขยับขึ้นพอสมควร โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 7.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,225.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์