เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันร่วงลงแรงเมื่อวันพฤหัสบดี (7 พ.ค.) หลังความกังวลต่อภาวะอุปทานล้นตลาดโผล่กลับมาอีกรอบจากข้อมูลคลังเชื้อเพลิงสหรัฐฯ ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวกตามแรงหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ทองคำปรับลดพอสมควร นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ
น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 1.99 ดอลลาร์ ปิดที่ 58.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 2.23 ดอลลาร์ ปิดที่ 65.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันทั้งสองสัญญาทำสถิติปิดสูงสุดในรอบปีเมื่อวันพุธ (6 พ.ค.) หลังข้อมูลกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ เผยคลังน้ำมันดิบสำรองรายสัปดาห์ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าแม้จะลดลง 3.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว แต่สต๊อกน้ำมันดิบก็ยังอยู่ที่ 487.0 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเท่าที่เคยพบมาหากนับเฉพาะในช่วงเวลานี้ของปี
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (7 พ.ค.) ขยับขึ้นเล็กน้อย จากแรงหนุนของกลุ่มเทคโนโลยีและข้อมูลบวกภาคแรงงาน
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 82.08 จุด (0.46 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,924.06 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 7.85 จุด (0.38 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,088.00 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 25.91 จุด (0.53 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,945.55 จุด
หุ้นของอาลีบาบาทะยานถึงร้อยละ 7.5 หลังพบยอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 45 เป็น 2,810 ล้านดอลลาร์ ผลประกอบการอันแข็งแกร่งของบริษัทแห่งนี้ประกอบกับข่าวลือเกี่ยวกับการขายเว็บไซต์ดัง Yelp.com ช่วยดันเอสแอนด์พี500 ปิดบวก
ขณะเดียวกัน ยอดผู้เข้ารับสิทธิประโยชน์คนว่างงานรายใหม่ของสหรัฐฯที่ทรงตัวในระดับต่ำสุดรอบ 15 ปีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็บ่งชี้ถึงแนวโน้มในทางบวกของเศรษฐกิจอเมริกา แต่ก็ไม่มากมายจนถึงขั้นเปลี่ยนความคาดหมายว่าเฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยก่อนกำหนด
ตัวเลขภาคแรงงานรายสัปดาห์ดังกล่าว ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจอเมริกากำลังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เป็นผลให้นักลงทุนหมางเมินสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ ฉุดราคาทองคำเมื่อวันพฤหัสบดี (7 พ.ค.) ปิดลบพอสมควร โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 8.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,182.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์