สื่อนอกแฉผู้อพยพตายเพียบ-ดื่มฉี่ประทังชีวิตกลางอันดามัน หลังถูกไทยปฏิเสธขึ้นฝั่ง

บีบีซี/ASTVผู้จัดการ - สื่อต่างประเทศรายงานมีผู้อพยพหลายร้อยคนติดค้างโดยไม่มีน้ำดื่มและอาหาร บนเรือลำหนึ่งที่ลอยลำอยู่กลางทะเลอันดามันมานานกว่า 1 สัปดาห์ จนกระทั่งมีผู้เสียชีวิตแล้ว 10 คน ส่วนคนอื่นๆต้องดื่มปัสสาวะประทังชีวิต หลังถูกทางการไทยปฏิเสธรับผู้อพยพเหล่านี้

เรือลำดังกล่าวบรรทุกชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮีนจาราว 350 คน โดยส่วนหนึ่งบนเรือบอกกับบีบีซีว่าลูกเรือได้ปล่อยทิ้งพวกเขาไว้และทำให้เครื่องยนต์ใช้การไม่ได้ ส่วนศพของผู้เสียชีวิตนั้นก็ช่วยกันจับโยนทิ้งทะเล

เชื่อว่ายังมีผู้อพยพอีกหลายพันคนที่ยังติดอยู่ในเรือหลายลำนอกชายฝั่งของไทยและมาเซีย ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมโรฮีนจาที่มิอาจกลับไปยังพม่าได้ เนื่องจากพวกเขาไม่ได้รับรองในฐานะพลเมืองของประเทศและถูกตามประหัตประหารเป็นประจำ

นายโจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวบีบีซีรายงานจากเรือนอกชายฝั่งเกาะหลีเป๊ะ ทางภาคใต้ของไทย ระบุสิ่งที่พบเห็นนั้นมีแต่ความสิ้นหวัง "ผู้คนตะโกนเรียกเรา ร้องขออาหารและน้ำจากเรา บนเรือมีเด็กและผู้หญิงอยู่จำนวนมาก มันเป็นเรือประมงที่มีสภาพเก่าและทรุดโทรม รวมทั้งยังอัดแน่นไปด้วยผู้คน"

"สิ่งที่เราเห็นคือบางคนดื่มฉี่ของตนเองที่เก็บเอาไว้ในขวด พวกเราขว้างน้ำขวดและทุกๆอย่างที่เรามีบนเรือให้พวกเขา" นายเฮดกล่าว พร้อมเผยว่าบนเรือลำดังกล่าวมีการเอาผู้ห่มออกมากางบังแดดท่ามกลางอุณหภูมิเฉลี่ย 34 องศาเซลเซียส

ผู้อพยพเหล่านั้น ในนั้นมีผู้หญิง 50 คนและเด็ก 84 คน บอกว่าพวกเขาติดอยู่กลางทะเลมานานกว่า 3 เดือน และสถานการณ์วิกฤตหนักขึ้นไปอีก หลังลูกเรือทำให้เครื่องยนต์ใช้การไม่ได้เมื่อ 6 วันก่อน ขณะทอดสมอใกล้ชายแดนไทย-มาเลเซีย

ในตอนกลางคืนวันพุธ(13พ.ค.) มีเรือประมงไทยหลายลำพบเรือลำดังกล่าวและพากันลากมันเข้าไปยังน่านน้ำมาเลเซีย ทว่าเรือลำนี้ก็ถูกลากกลับมายังน่านน้ำไทยอีกครั้ง

นายพันรายหนึ่งจากกองทัพเรือไทยเผยว่าเหล่าผู้อพยพมีความตั้งใจไปขึ้นฝั่งมาเลเซีย โดยไทยจะมอบอาหาร น้ำและยา ก่อนปล่อยให้พวกเขาเดินทางต่อไป ซึ่งจากความเห็นดังกล่าว ผู้สื่อข่าวบีบีซีจึงต้องข้อสันนิษฐานหมายความว่าผู้อพยพเหล่านี้คงถูกปฏิเสธอีกครั้ง

ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการองค์กรสิทธิมนุษยชนฮิวแมนไรท์วอชต์ ประจำภูมิภาคเอเชีย บอกกับบีบีซีว่า "พวกเขา(มาเลเซีย ไทยและอินโดนีเซีย) เล่นปิงปองโต้กันไปมา ไม่มีใครต้องการรับชาวโรฮีนจา "เราต้องการเห็นทั้ง 3 ชาติร่วมมือกันช่วยเหลือคนเหล่านี้เป็นลำดับแรก จากนั้นค่อยหาทางออกว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบพวกเขา ใครที่ต้องทำงานร่วมกับประชาคมนานาชาติและอื่นๆ นี่คือวิกฤตมนุษยธรรมเร่งด่วน ไทยและประเทศอื่นๆต้องมีเมตตา"

ทั้งนี้ในแต่ละปี มีชาวมุสลิมโรฮีนจา-ชนกลุ่มน้อยซึ่งรัฐบาลพม่าไม่ต้องการ และชาวบังกลาเทศผู้ยากไร้เป็นจำนวนนับพันนับหมื่นคน เดินทางไปตามเส้นทางของพวกแก๊งค้ามนุษย์ ซึ่งผ่านทะเลและแผ่นดิน ซอกซอนผ่านไทย และเข้าสู่มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ตลอดจนดินแดนไกลโพ้นจากนั้น

แต่ ไทย ซึ่งเป็นจุดแวะพักสำคัญจุดหนึ่งบนเส้นทางการลักลอบค้ามนุษย์สายหลักของเอเชีย ดำเนินการปราบปรามกวาดล้างอย่างต่อเนื่อง ภายหลังค้นพบหลุมศพหมู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งเผยให้เห็นขนาดขอบเขตของการค้าหฤโหดที่สร้างกำไรอย่างมหาศาล

คริส ลีวา ผู้อำนวยการโครงการอารากัน ซึ่งเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของชาวโรฮีนจามากว่าสิบปี ระบุว่า ในตอนนี้มีคนราว 7,000-8,000 คนกำลังถูกพวกแก๊งค้ามนุษย์กักกันอยู่ในเรือลำใหญ่ลำน้อยในบริเวณช่องแคบมะละกาและน่านน้ำสากลใกล้เคียง พร้อมเสริมว่า การปราบปรามขบวนการลักลอบค้ามนุษย์ในไทยและมาเลเซียทำให้พวกนายหน้าไม่กล้าพาพวกเขามาส่งยังชายฝั่งได้