เอเอฟพี - 2 ค่ายรถยนต์แดนปลาดิบ "โตโยต้า-นิสสัน" ประกาศในวันพุธ (13 พ.ค.) เรียกคืนรถยนต์รวมกันประมาณ 6.5 ล้านคันทั่วโลก จากปัญหาถุงลมนิรภัยที่ยังคงตามมาหลอกหลอนไม่จบสิ้น
บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลกอย่างโตโยต้า ระบุว่า ได้ทำการเรียกคืนรถยนต์ 35 รุ่น จำนวน 5 ล้านคันทั่วโลก ที่ผลิตขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม 2003 - พฤศจิกายน 2007 ส่วนทางนิสสันบอกว่า ได้เรียกคืนรถยนต์จำนวน 1.56 ล้านคันทั่วโลก จากปัญหาถุงลมนิรภัยที่ผลิตโดยบริษัท ทาคาตะ
"การเรียกคืนครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อตลาดของเราหลายแห่ง อาทิ ญี่ปุ่น ยุโรปและอเมริกาเหนือ" โฆษกของนิสสันบอกกับเอเอฟพี พร้อมทั้งระบุเพิ่มเติมด้วยว่า ความเสี่ยงที่จะเกิดการระเบิดคือหนึ่งในปัญหาที่พบได้จากความบกพร่องของถุงลมนิรภัย
"มันอาจจะมีหลายปัจจัย แต่เราได้พบว่ามันมีความเสี่ยงที่ท่อโลหะซึ่งทำหน้าที่สูบลมอาจทำงานผิดพลาดได้" โฆษกนิสสันกล่าว
การเรียกคืนรถยนต์ของนิสสันจะครอบคลุมรถยนต์หลายรุ่นที่ผลิตในช่วงปี 2004 - 2008
โตโยต้า ระบุว่า การเรียกคืนรถยนต์ครั้งล่าสุดนี้ จะเป็นรถที่ขายไปแล้วในญี่ปุ่น 1.35 ล้านคัน ในอเมริกา 637,000 คัน กับในยุโรป 1.26 ล้านคัน ส่วนที่เหลือจะเป็นตลาดเล็กในประเทศต่างๆ
"เราได้ดำเนินการสืบสวนหลายอย่าง เกี่ยวกับระบบสูบลมของถุงลมนิรภัยทาคาตะ ท่ามกลางบรรดาชิ้นส่วนที่รวบรวมได้ในตลาดญี่ปุ่น ตัวสูบลมพวกนี้ถูกพบว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดความชิ้นเมื่อเวลาล่วงเลยไป ผลที่ตามมาก็คือมันอาจทำงานผิดพลาดได้ง่ายขึ้นเมื่อเกิดการชน" โตโยต้าระบุในอีเมลล์ที่แจ้งต่อสื่อมวลชน
ทั้งสองบริษัท ระบุว่า ยังไม่มีรายงานการเสียชีวิตหรือบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับการเรียกคืนรถยนต์ครั้งล่าสุดนี้
ก่อนหน้านี้ มีรถยนต์ประมาณ 20 ล้านคันที่ผลิตโดยค่ายรถรายใหญ่ๆ อาทิ เจเนอรัลมอเตอร์และฮอนด้า ที่ต้องถูกเรียกคืนเพราะมีความเสี่ยงที่ถุงลมนิรภัยของทาคาตะจะเกิดการสูบลมที่ผิดพลาดจนถุงลมนิรภัยแตก
มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 รายที่ถูกเชื่อมโยงเข้ากับปัญหานี้ หนึ่งในนั้นเป็นการตายของหญิงอเมริกัน ซึ่งผลการสืบสวนในตอนแรกระบุว่าเป็นการฆาตกรรมเนื่องจากพบว่าร่องรอยของบาดแผลที่พบนั้นน่าสยดสยอง
เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับถุงลมนิรภัยนี้ ทำให้หนึ่งในผู้ผลิตถุงลมนิรภัยรายใหญ่ของโลกอย่างทาคาตะ ต้องเจอกับคดีความทางกฏหมาย แถมยังโดนสอบสวนจากหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ
