เอเอฟพี - ราคาน้ำมันพุ่งแรงในวันอังคาร (12 พ.ค.) จากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงและจับตารายงานสต๊อกเชื้อเพลิงสหรัฐฯ ช่วงกลางสัปดาห์ ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบและทองคำขยับขึ้นพอสมควร เหตุนักลงทุนกังวลต่อความเคลื่อนไหวในระยะหลังของตลาดพันธบัตร
น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 1.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 60.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.95 ดอลลาร์ ปิดที่ 66.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ดอลลาร์ซื้อขายที่ 1.1221 ดอลลาร์ต่อยูโรในช่วงบ่าย ลดลงจาก 1.1157 ดอลลาร์ต่อยูโรจากเมื่อวันจันทร์ (11 พ.ค.) ท่ามกลางแรงขายในตลาดพันธบัตรโลก หลังอัตราผลตอบแทนพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะหลัง ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงส่งผลให้สินค้าโภคภัณฑ์ในราคาดอลลาร์ มีราคาถูกลงสำหรับผู้ซื้อที่ถือสกุลเงินอื่นๆ
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร (12 พ.ค.) ปิดในแดนลบ หลังการปรับตัวขึ้นในระยะหลังของตลาดพันธบัตรโลก สร้างความหวั่นไหวแก่นักลงทุนที่มีความกังวลอยู่ก่อนแล้วเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ย
ดาวโจนส์ ลดลง 36.94 จุด (0.20 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 18,068.23 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 6.21 จุด (0.29 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,099.12 จุด แนสแดค ลดลง 17.38 จุด (0.35 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,976.19 จุด
ช่วงต้นวอลล์สตรีทร่วงลงอย่างหนัก หลังผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ทะยานแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน อย่างไรก็ตาม ตลาดค่อยๆ ฟื้นตัวจนปิดลบแค่เล็กน้อย หลังอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรปรับลดลงมา
นักวิเคราะห์มองว่า การทะยานขึ้นอย่างที่ไม่เคยคาดหมายมาก่อนของพันธบัตรสหรัฐฯและพันธบัตรเยอรมนีเมื่อเร็วๆ นี้ ได้สร้างความยุ่งเหยิงแก่เหล่านักลงทุนในตลาดหุ้นอเมริกามาหลายวันแล้ว “ในระยะสั้น ตลาดตกเป็นตัวประกันของอัตราดอกเบี้ย” จิม อาวาด กรรมการผู้จัดการบริษัท พลิมโซลล์มาร์ค แคปิตอลกล่าว
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน ก่อนค่อยขยับลงมาเล็กน้อย ทั้งนี้การพุ่งขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ นั่นหมายความว่าต้นทุนการกู้ยืมสูงขึ้น ซึ่งทำให้การขยับขยายธุรกิจของบริษัทต่างๆ ทำได้ยากขึ้นตามไปด้วย
ส่วนราคาทองคำเมื่อวันอังคาร (12 พ.ค.) ปิดสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ หลังดอลลาร์อ่อนค่าลงและความผันผวนในตลาดพันธบัตรยุโรป กระตุ้นให้นักลงทุนหันมาถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 9.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,192.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์