“ทิสโก้” แนะจัดพอร์ตลงทุนรับ ศก.โลก ฟื้นตัวปี 58 พร้อมงัด 3 ธีมหลัก เพื่อกำหนดทิศทางการลงทุน ชี้ เอเชียเหนือ เกาหลีใต้ ไต้หวัน และญี่ปุ่น ถือว่าโดดเด่นมากที่สุด
นายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทิสโก้ กล่าวในงานสัมมนาใหญ่ “TISCO Wealth Investment Forum” จัดพอร์ตลงทุนรับเศรษฐกิจโลกฟื้น “หุ้น-อสังหาฯ ต่างประเทศ” โอกาสมั่งคั่งปี 58 โดยระบุว่า การลงทุนต่างประเทศจะยังคงเป็นธีมใหญ่ที่ทิสโก้เวลธ์แนะนำลงทุนสำหรับการจัดพอร์ตเพื่อเสริมความมั่งคั่งให้แก่ผู้ลงทุนในปี 58 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวชัดเจนอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น ทิสโก้จะมุ่งเน้นในสองส่วนที่สามารถตอบโจทย์นักลงทุนได้อย่างครอบคลุมในปีหน้า ได้แก่ กองทุนหุ้นต่างประเทศ และการซื้อขายหุ้นต่างประเทศโดยตรง โดยนายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บลจ. ทิสโก้ กล่าวว่า ในปีหน้าจะเน้นออกกองทุนที่ลงทุนตลาดหุ้นเอเชียเหนือ โดยเน้นเกาหลีใต้ รวมถึงญี่ปุ่น และสหรัฐฯ
ด้านนายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ กล่าวว่า ทิศทางการลงทุนในปี 58 จะถูกกำหนดด้วย 3 ธีมหลัก ได้แก่ 1. ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง 2. ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะทรงตัวในระดับต่ำเป็นเวลานาน และ 3. Yield พันธบัตรสหรัฐจะทรงตัวในระดับต่ำ
ทั้ง 3 ธีมหลักจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจและประเภทสินทรัพย์ ดังนี้ 1. ประเทศผู้ส่งออกสินค้าที่ไม่ใช่โภคภัณฑ์ (Non-Commodity Exporters) ในสัดส่วนที่สูง เช่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ และเยอรมนี ซึ่งเป็นฐานการผลิตหลักของโลก โดยเศรษฐกิจในกลุ่มนี้จะได้ประโยชน์จากการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ 2. ประเทศผู้นำเข้าน้ำมัน (Oil Importers) จากต่างประเทศในสัดส่วนที่สูง เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น
และ 3. สินทรัพย์ที่จ่ายดอกเบี้ยหรือเงินปันผลในระดับสูง (High-Yielding Assets) ซึ่งจะให้ผลตอบแทนได้ดีในภาวะที่ผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ เช่น ตราสารประเภท REITs และ High Yield Bond เป็นต้น
ดังนั้น การลงทุนในปี 58 จึงแนะนำลงทุนในตลาดหุ้นของประเทศที่ได้ประโยชน์จากปัจจัยดังกล่าว ได้แก่ 1. เอเชียเหนือ นำโดยเกาหลีใต้และไต้หวัน และ 2. ญี่ปุ่น เนื่องจากทั้ง 2 กลุ่มเป็นประเทศที่ส่งออกสินค้าเทคโนโลยีเป็นหลัก และได้รับประโยชน์จากต้นทุนพลังงานที่ลดลง รวมถึง 3. สหรัฐอเมริกา ที่แนวโน้มการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ จะช่วยทำให้การลงทุนในสหรัฐฯ น่าสนใจเพิ่มขึ้น
ทิศทางการลงทุนปีหน้า ทิสโก้จึงแนะนำให้ลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียเหนือ โดยเฉพาะเกาหลีใต้และไต้หวัน รวมถึงตลาดหุ้นญี่ปุ่น และตลาดหุ้นสหรัฐฯ เนื่องจากจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากต้นทุนพลังงานที่ลดลง และแนวโน้มดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่า ซึ่งจากการปรับฐานของตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ตลาดหุ้นทั้ง 3 ภูมิภาคจะมีความน่าสนใจมาก และแนวโน้มคาดการณ์ผลกำไรมีการปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
โดยเฉพาะเอเชียเหนือมี Valuation ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 8 ปี ค่อนข้างมาก รวมถึง US REITs ก็มีความน่าสนใจลงทุนในปีหน้าเช่นกัน เนื่องจากเชื่อว่า Yield พันธบัตรสหรัฐฯ จะไม่ปรับขึ้นจากนี้มากนัก
ด้าน ผศ.บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์และการเงิน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ทิศทางเศรษฐกิจโลกในปีหน้า ภูมิภาคที่มีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน ได้แก่ สหรัฐอเมริกา และเอเชียเหนือ โดยตลาดหุ้นที่น่าจับตามอง และเป็นโอกาสการลงทุนในปี 58 ซึ่งได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากที่สุด ได้แก่ ตลาดเอเชียเหนือ โดยเฉพาะเกาหลีใต้และไต้หวัน ถือว่าโดดเด่นมากที่สุด
เนื่องจากเป็นประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่จะได้เปรียบจากช่วงเวลาที่เงินไหลกลับตลาดสหรัฐฯ ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น นั่นคือ มีทุนสำรองระหว่างประเทศสูงและมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด
อีกทั้งหากพิจารณาเศรษฐกิจมหภาคของทั้งสองประเทศนี้แล้ว ถือว่ามีความเสี่ยงน้อยมาก ไม่ว่าจะเป็นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจหรืออัตราเงินเฟ้อที่ยังดูดีอยู่ ตัวเลขการส่งออกที่ดีสุดในรอบ 2 ปี สถานภาพทางการคลังของรัฐบาลที่ยังมีเม็ดเงินเหลืออยู่อีกไม่น้อยที่จะใช้เงินอัดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และที่สำคัญ อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2%ของเกาหลีใต้ นับว่ายังมีอาวุธเหลืออีกมากพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกหลายรอบ
รวมถึงในขณะที่รายได้และกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดทั้ง 2 มีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาทิ ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ในตอนนี้ก็ยังไม่ได้แพงไปกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต จะเห็นได้ว่าค่า P/E ล่วงหน้า 12 เดือนของตลาดเกาหลีใต้ ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตกว่า 1 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) กล่าวว่า จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ในสหรัฐอเมริกา และยุโรปบางประเทศ ส่งผลให้นักลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เริ่มสนใจในสองภูมิภาคนี้มากขึ้น จากที่ 2-3 ปีที่ผ่านมา การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์จะให้ความสำคัญกับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย
ในรอบปี 55-57 แนวโน้มของนักลงทุนเริ่มเห็นว่าราคาอสังหาริมทรัพย์ในตลาดสำคัญมีราคาที่สูงมาก และผลตอบแทนในรูปของ Yield เริ่มต่ำลง ส่งผลให้นักลงทุนหาทางเลือกอื่นๆ ในการลงทุนมากขึ้น ส่วนรูปแบบการลงทุนจะรับความเสี่ยงและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ทำเลที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนสถาบัน ได้แก่ สหรัฐฯ ยุโรป อังกฤษ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ในขณะที่จีนเริ่มลดบทบาทลงและตลาดใหม่ได้แก่ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย