รอยเตอร์ - สหรัฐฯ จะส่งฝูงบิน วี-22 ออสเปรย์ เข้าไปประจำการยังฐานทัพอากาศโยโกตะในญี่ปุ่น ซึ่งจะช่วยให้การปฏิบัติภารกิจพิเศษเพื่อตอบสนองวิกฤตการณ์ในเอเชีย-แปซิฟิกเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แถลงเมื่อวานนี้ (11 พ.ค.)
เพนตากอนระบุว่า เครื่องบิน วี-22 ออสเปรย์ รุ่นที่ใช้งานในกองทัพอากาศจำนวน 3 ลำแรกจะเดินทางไปถึงฐานทัพอเมริกันที่ชานกรุงโตเกียวในช่วงครึ่งหลังของปี 2017 และจะส่งไปเพิ่มเติมอีก 7 ลำในปี 2021
โครงการพัฒนาอากาศยานออสเปรย์ เป็นร่วมมือระหว่าง เบลล์ เฮลิคอปเตอร์ เท็กซ์ตรอน กับ โบอิ้ง เพื่อมาแทนที่เฮลิคอปเตอร์รุ่น ซีเอช-46 ซี ไนต์ โดยสามารถบินได้ในระยะทางไกลและเร็วกว่า และบรรทุกน้ำหนักได้มากกว่าเดิม
วี-22 ออสเปรย์ เป็นเครื่องบินชนิดปรับใบพัด (tilt-rotor) ที่สามารถขึ้นลงแนวดิ่งได้เหมือนเฮลิคอปเตอร์ เคยมีประวัติเกิดเหตุขัดข้องทางเทคนิคหลายครั้งระหว่างการพัฒนาช่วงแรกๆ ในทศวรรษ 1990 แต่หลังจากนั้นก็สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนกระทั่งเมื่อเดือน เม.ย. ปี 2013 ออสเปรย์ลำหนึ่งได้ประสบอุบัติเหตุตกที่โมร็อกโก ทำให้นาวิกโยธินสหรัฐฯ เสียชีวิต 2 นาย และต่อมาในเดือน มิ.ย.ปีเดียวกัน อากาศยานไฮบริดรุ่นนี้ก็ร่วงโหม่งโลกที่รัฐฟลอริดา มีผู้บาดเจ็บไป 5 คน
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นติดๆ กัน 2 ครั้งในปี 2013 ทำให้ชาวญี่ปุ่นส่วนหนึ่งไม่มั่นใจในความปลอดภัยของอากาศยานรุ่นนี้
เพนตากอนชี้ว่า การมีฝูงบินออสเปรย์อยู่ที่ฐานทัพโยโกตะจะช่วยให้หน่วยรบพิเศษสหรัฐฯ สามารถตอบสนองภัยพิบัติและวิกฤตการณ์อื่นๆ ที่เกิดขึ้นกับญี่ปุ่นหรือพันธมิตรในเอเชีย-แปซิฟิกได้อย่างรวดเร็ว ตามยุทธศาสตร์ปรับสมดุลสู่เอเชียที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ริเริ่มไว้
เมื่อปี 2012 นาวิกโยธินสหรัฐฯ ตัดสินใจนำอากาศยานออสเปรย์เข้าไปใช้แทนที่เฮลิคอปเตอร์ ซี ไนต์ บนเกาะโอกินาวา ทำให้เกิดกระแสคัดค้านอย่างรุนแรงจากประชาชนที่นั่น
เลียน เพเนตตา รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในขณะนั้น มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้อากาศยานรุ่นนี้สามารถขึ้นบินเหนือน่านฟ้าญี่ปุ่นได้ในเดือน ก.ย. ปี 2013 และตลอดช่วงปี 2014 วี-22 ออสเปรย์ ก็ได้ออกปฏิบัติภารกิจทั่วแผ่นดินใหญ่ของญี่ปุ่น
ปลายปีที่แล้ว รัฐบาลโตเกียวตัดสินใจที่จะสั่งซื้อฝูงบิน วี-22 ออสเปรย์เป็นของตนเอง โดยแหล่งข่าวระบุว่ายอดสั่งซื้ออาจอยู่ที่ระหว่าง 20-40 ลำ
