เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันสหรัฐฯพุ่งแรงเมื่อวันอังคาร (5 พ.ค.) ขยับเหนือ 60 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบปีนี้ ท่ามกลางความตึงเครียดในเหล่าชาติผู้ผลิต ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบแรงและทองคำดีดขึ้น หลังอเมริกาเผยขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น
น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 1.47 ดอลลาร์ ปิดที่ 60.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.07 ดอลลาร์ ปิดที่ 67.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นักวิเคราะห์อ้างว่าปัจจัยที่สนับสนุนราคาน้ำมันวานนี้ (5 พ.ค.) เนื่องจากมีเหตุประท้วงในลิเบีย ซึ่งปิดการส่งมอบน้ำมัน ณ ท่าเรือแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออกของประเทศ
นอกจากนี้แล้วยังมีความกังวลต่อเสถียรภาพในตะวันออกกลางท่ามกลางเหตสู้รบกันในเยเมน และข่าวกองทัพเรือสหรัฐฯ เริ่มกำลังการคุ้มกันเหล่าเรือของอเมริกาในช่องแคบฮอร์มุซ ตามหลังกรณีอิหร่านเข้ายึดเรือสินค้าลำหนึ่ง
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันอังคาร (5 พ.ค.) ปรับลดแรง หลังพบตัวเลขขาดดุลการค้าของประเทศขยายตัวขึ้นมากกว่าที่คาด กระพือความกังวลว่าเศรษฐกิจช่วงไตรมาสแรกอาจหดตัว
ดาวโจนส์ ลดลง 142.20 จุด (0.79 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,927.20 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 25.03 จุด (1.18 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,089.46 จุด แนสแดค ลดลง 77.60 จุด (1.55 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,939.33 จุด
ตัวเลขขาดดุลการค้าเดือนมีนาคมของสหรัฐฯ อยู่ที่ 51,400 ล้านดอลลาร์ สูงสุดในรอบเกือบ 6 ปีครึ่ง เกินกว่าที่รัฐบาลคาดหมายไว้อย่างมาก บ่งชี้เศรษฐกิจหดตัว ขณะที่ทางการประมาณการณ์ว่าน่าจะขาดดุลราวๆ 45,200 ล้านดอลลาร์
ปัจจัยดังกล่าวฉุดดอลลาร์อ่อนค่าลงและกระตุ้นให้นักลงทุนถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ เป็นผลให้ราคาทองคำเมื่อวันอังคาร (5 พ.ค.) ปิดบวกพอสมควร โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 6.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,193.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์