เอเอฟพี - บรรดาผู้รอดชีวิต ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวของเนปาล ต่างพากันรู้สึกสิ้นหวังและเหมือนถูกทอดทิ้งในวันนี้ (1 พ.ค.) หลังจากสูญเสียคนที่พวกเขารัก รวมถึงวิถีชีวิตที่เคยดำเนินมา เพราะภัยพิบัติที่คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 6,300 ราย
ในขณะที่เกิดความปีติยินดีที่สามารถช่วยเหลือผู้รอดชีวิตได้ 2 ราย ทำให้เจ้าหน้าที่มีแรงที่จะค้นหาผู้รอดชีวิตรายอื่นๆ ในกาฐมาณฑุกันต่อไป แต่ถึงกระนั้นกาชาดก็ได้เตือนเกี่ยวกับความเสียหายในวงกว้างของประเทศในแถบภูเขาหิมาลัยแห่งนี้
6 วันหลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ทางการได้ระบุจำนวนผู้เสียชีวิตในเนปาลไว้ที่ 6,204 กับอีกประมาณกว่า 100 รายที่เสียชีวิตในประเทศใกล้เคียงอย่างอินเดียและจีน
อย่างไรก็ตาม ขอบเขตพื้นที่ความเสียหายทั้งหมดที่เกิดจากแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบกว่า 80 ปีของเนปาลครั้งนี้ ยังคงปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์พยายามจะเข้าไปช่วยเหลือในหลายเขตซึ่งเป็นพื้นที่ภูเขา
ความเสียหายอย่างหนักปรากฏให้เห็นได้ในพื้นที่ซินโฮปาชอค ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกาฐมาณฑุ ที่นั่นความรู้สึกสิ้นหวังกำลังก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ
"หนึ่งในบรรดาทีมของเราได้กลับมาจากชอธาราในอำเภอซินโฮปาชอค ซึ่งมีรายงานว่าบ้านเรือน 90 เปอร์เซ็นต์พังทลาย" จากัน ชาปากาอิน ผู้อำนวยการประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิคของสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ กล่าว
"โรงพยาบาลพังถล่มลงมา ผู้คนพากันคุ้ยซากปรักหักพังด้วยมือของพวกเขา โดยหวังว่าจะได้พบกับสมาชิกในครอบครัวที่ยังมีชีวิตอยู่" เขากล่าว
นักข่าวของเอเอฟพีที่อยู่อีกจุดหนึ่งในซินโฮปาลอค พบเห็นความเสียหายชนิดที่ไม่เหลือชิ้นดี
"บ้านเกือบทุกหลังในหมู่บ้านของผมพังทลาย มีคนตาย 20 คน เราเสียทั้งวัวและแกะ" คูมาร์ กอห์ราไซนี กล่าวถึงความเสียหายในเมลัมชี ซึ่งเป็นหมู่บ้านของเขา
ครูสอนภาษาอังกฤษวัย 33 ปีรายนี้บอกว่า โรงเรียนในหมู่บ้านพังทลายและไม่มีที่ไปให้กับบรรดาเด็กๆ
"ไม่มีใครมาช่วยเรา รถบรรเทาทุกข์ต่างก็พากันแล่นผ่านไป เราจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร" เขากล่าว
ในเมลัมชี บรรดาร้านค้าและร้านอาหารต่างพากันปิด ถนนหลายสายส่วนใหญ่รกร้างไร้ผู้คน
ที่ชุมชนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวซึ่งอยู่ใกล้ๆ บ้านเกือบทุกหลังที่นั่นได้รับความเสียหาย จนไม่สามารถอยู่อาศัยได้อีก ชาวบ้านละแวกนั้นต้องนอนตามเต็นท์
แม้ว่า บรรดาหน่วยงานบรรเทาทุกข์จะบอกว่า ปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือแก่พื้นที่ห่างไกลนั้นมีมากขึ้น แต่ผู้คนในเมลัมชีก็ยังคงไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ
"เราเห็นเฮลิคอปเตอร์หลายลำ เราเห็นเครื่องบิน แต่ไม่มีใครแวะมาที่นี่" ชาริค ราม กอห์ราไซนี กล่าว
ชาวนาวัย 23 ปีรายนี้ บอกว่า เขาได้ทราบเรื่องทีมกู้ภัยต่างชาติ ที่กระจายกำลังกันไปทั่วเนปาล
"เราอ่านข่าวเกี่ยวกับความช่วยเหลือของต่างชาติ แล้วเราก็เกิดมีความหวัง แต่ในความเป็นจริงไม่มีใครมาช่วยเราเลย ไม่มีใครสนเราเลย" เขากล่าว
กอห์ราไซนี เล่าให้ฟังว่า มีทีมช่วยเหลือของญี่ปุ่นทีมหนึ่งขับรถผ่านหมู่บ้านของเขา แล้วก็พบกับชายคนหนึ่งที่ล้มลงริมถนน พวกเขาก็เลยหยุดรถแล้วให้ยาแก้ปวด 2 เม็ด จากนั้นก็ขับรถจากไป
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากชาติต่างๆ มากกว่า 20 ประเทศ กำลังออกค้นหาผู้รอดชีวิต โดยทำงานร่วมกับทีมฉุกเฉินของเนปาล
ทีมกู้ภัยของฝรั่งเศส นอร์เวย์และอิสราเอล ได้มีส่วนร่วมในความสำเร็จของปฏิบัติการช่วยผู้หญิงรายหนึ่งเมื่อค่ำวันพฤหัสบดี จากซากอาคารในกาฐมาณฑุ ใกล้กับจุดที่ช่วยเด็กวัย 15 ปีเอาไว้ได้ก่อนหน้านี้
ทีมกู้ภัยใช้เวลาถึง 10 ชั่วโมงในการช่วยเหลือ กฤษณา เทวี คธา หญิงผู้รอดชีวิตจากซากปรักหักพัง เธอถูกส่งไปรักษาตัวฉุกเฉินแล้ว
"พื้นดินยังคงสั่นไหวเล็กน้อยอยู่ทุกวัน เราไม่มีทางรู้เลยว่าเมื่อไหร่เราจะอยู่ เมื่อไหร่เราจะตาย" โกปัล กูรัง บอกกับเอเอฟพี ขณะอยู่ในหมู่บ้านลาปราค ที่มีเฮลิคอปเตอร์ของอินเดียบินมาส่งสิ่งของช่วยเหลือ
"เราไม่ได้รับการปกป้องคุ้มครอง ที่นี่ฝนตกตลอดเวลา เราไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ผู้คนกลัวกันมากในตอนนี้" เขากล่าว
หน่วยงานด้านอาหารของยูเอ็นได้ขอเงินช่วยเหลือ 8 ล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเกษตรกรและเลี่ยงวิกฤติอาหาร ก่อนถึงฤดูการปลูกข้าวซึ่งน่าจะเริ่มขึ้นในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม
"นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญในการช่วยให้ชาวนาสามารถปลูกข้าวได้ทันเวลา เพื่อจะได้เก็บเกี่ยวในปีนี้" สมศักดิ์ พิภพภิญโญ ผู้แทนขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติในเนปาล กล่าว
ด้านรัฐบาลเนปาล คาดหวังว่าจะสามารถส่งความช่วยเหลือทางอากาศได้เพิ่มขึ้น โดยทางรัฐมนตรีมหาดไทยระบุว่า เฮลิคอปเตอร์หลายลำกำลังถูกจัดส่งไปยังหลายพื้นที่ซึ่งยากจะเข้าถึง