เอเอฟพี - “ฟิตช์เรตติ้ง” ลดอันดับเครดิตของญี่ปุ่นลงไปหนึ่งขั้นในวันนี้ (27 เม.ย.) โดยให้เหตุผลว่าเป็นเพราะไม่สามารถอุดช่องโหว่ของงบประมาณที่เกิดจากการตัดสินใจเลื่อนจัดเก็บภาษีการขายเพิ่มขึ้น
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ทำให้อันดับความน่าเชื่อถือของญี่ปุ่นลงไปอยู่ที่ระดับ A จากเดิมที่เคยอยู่ในระดับ A+ ซึ่งเมื่อหลายเดือนก่อน มูดีส์ก็เพิ่งจะปรับลดความน่าเชื่อถือของญี่ปุ่นไปแล้วเช่นกัน
ตอนนั้น มูดีส์อ้างว่ามีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับหนี้สินของประเทศ แถมความพยายามของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ที่จะเร่งเครื่องให้กับประเทศที่มีเศรษฐกิจอันดับ 3 ของโลกก็ดูตะกุกตะกักไม่แน่นอน
ญี่ปุ่นได้เพิ่มการจัดเก็บภาษีการขายในเดือนเมษายน 2014 จากเดิม 5 เปอร์เซ็นต์ ไปเป็น 8 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นครั้งแรกที่ทำเช่นนี้ในรอบ 17 ปี โดยหวังจะเพิ่มรายได้เพื่อจะเอาไปใช้หนี้สาธารณะ
อย่างไรก็ตาม การเก็บภาษีเพิ่มครั้งนั้นได้ทำให้การเติบโตหยุดชะงัก ผลักให้ญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะถดถอยช่วงสั้นๆ ขณะที่เศรษฐกิจซึ่งแย่จากภาวะเงินฝืดมาหลายปีก็เข้าสู่ช่วงวิกฤติ
สถานการณ์ที่ย่ำแย่ทำให้อาเบะต้องเพิ่มการจัดเก็บภาษีการขายไปเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ โดยเบื้องต้นมีกำหนดจะดำเนินการในช่วงปลายปีนี้
ฟิตช์เรตติ้งระบุว่า การลดอันดับของฟิตช์สะท้อนความจริงที่ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นไม่ได้เตรียมมาตรการเกี่ยวกับโครงสร้างทางการเงินไว้อย่างเพียงพอ สำหรับงบประมาณของปีงบประมาณ 2015 (เม.ย. 2015 - มี.ค. 2016) เพื่อทดแทนการเลื่อนจัดเก็บภาษีการขายเพิ่มขึ้น
“รัฐบาลญี่ปุ่นจะเผยยุทธศาสตร์ใหม่ด้านการเงินในช่วงฤดูร้อนปี 2015 รายละเอียดของยุทธศาสตร์นี้จะมีความสำคัญ แต่ท่าทีของรัฐบาลที่จะบังคับใช้ยุทธศาสตร์มากน้อยแค่ไหนนั้นสำคัญยิ่งกว่าซึ่งจะชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป” ฟิตช์ ระบุ
การลดอันดับความน่าเชื่อถือครั้งนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางเสียงเรียกร้องให้ญี่ปุ่นคุมหนี้สาธารณะให้ได้
ในหมู่ประเทศที่ร่ำรวย ญี่ปุ่นคือหนึ่งในชาติที่มีหนี้ท่วมหัวมากมาย สูงกว่า 2 เท่าของขนาดเศรษฐกิจตนเอง แถมตัวเลขหนี้สินก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกัน จำนวนผู้ที่รับเงินบำนาญเลี้ยงชีพก็มากขึ้นทุกที ส่งผลกระทบต่อการเงินของประเทศ
