ระนอง - อธิบดีกรมการปกครอง ลงพื้นที่จังหวัดระนอง ย้ำหัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผญบ. แก้ไขปัญหาการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย และการค้ามนุษย์ในพื้นที่ ระบุประเทศไทยถูกลดความน่าเชื่อถือในการตอบสนองต่อการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ มาอยู่ในระดับ Tier 3
วันนี้ (27 ม.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 5 โกมาซุม ศาลากลางจังหวัดระนอง นายกฤษฎา บุญราช อธิบดีกรมการปกครอง และคณะลงพื้นที่จังหวัดระนอง เพื่อมอบนโยบายและแนวทางปฎิบัติในการแก้ไขปัญหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และการค้ามนุษย์ในพื้นที่จังหวัดระนอง โดยมีนายสุริยันต์ กาญจนศิลป์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้การต้อนรับ
นายกฤษฏา บุญราช อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่า ปลายปี 2557 ที่ผ่านมา มีข่าวสารการจับกุมผู้หลบหนีเข้าเมืองชาวโรฮิงญา และผู้ถือสัญชาติชาวบังกลาเทศอย่างต่อเนื่อง จากสถิติการจับกุมจนถึงปัจจุบันสามารถจับกุมชาวโรฮิงญาได้กว่า 2 หมื่นราย ทำให้ประเทศไทยถูกลดความน่าเชื่อถือในการตอบสนองต่อการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์อยู่ในระดับ Tier 3 ซึ่งเป็นอันดับที่ต่ำที่สุดมีผลเสียต่อความเชื่อมั่นในต่างประเทศ ทำให้ผลกระทบที่ตามมาก็คือ ประเทศไทยอาจจะถูกตัดสิทธิพิเศษต่างๆ ทางด้านการค้าในกลุ่มประเทศยุโรป อาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม
ที่ผ่านมา หน่วยงานภาครัฐ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในจังหวัดระนอง ก็ได้มีการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวกันอย่างต่อเนื่อง จึงอยากเน้นย้ำให้หัวหน้าส่วนราชการ องค์กรส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกันเป็นหูเป็นตาช่วยสอดส่องให้แก่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองชี้นำเบาะแสถึงขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าวโดยผิดกฎหมายให้เจ้าหน้าที่ได้รับทราบข้อมูล
อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวต่อว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญอย่างมากต่อปัญหาแรงงานที่ผิดกฎหมาย โดยได้มีการจัดทำนโยบายที่ชัดเจน พร้อมทั้งได้จัดตั้งคณะกรรมการนโยบายขึ้นมาดูแลแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง โดยเฉพาะเรื่องสิทธิประโยชน์ที่พึงได้ตามสมควร และต้องเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน และเร่งรัดให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังต่อผู้ที่กระทำความผิดเกี่ยวกับกฎหมายแรงงาน เพื่อขจัดขบวนการค้ามนุษย์ และการใช้แรงงานเด็ก การใช้แรงงานทาส ทั้งบนบก และทางทะเล โดยจะใช้แนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ เนื่องจากมีผลเสียต่อความเชื่อมั่นในต่างประเทศ และอาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้เชื่อว่าด้วยความตั้งใจจริง และความจริงจังต่อการแก้ปัญหา น่าจะส่งผลไปในทิศทางที่เป็นบวกขึ้นในเรื่องมุมมองของต่างประเทศที่มีต่อไทยในโอกาสต่อไป
