เคียฟชี้! รัสเซียไม่ได้ต้องการสันติภาพในยูเครน

เอเอฟพี – เอเอฟพี – ยูเครนกล่าวหารัสเซียในวันนี้ (24) ว่าขัดขวางการยุติการสู้รบในภาคตะวันออกของยูเครนโดยสันติ และได้เรียกร้องขออาวุธจากบรรดาชาติพันธมิตร พร้อมระบุว่า ตนกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนอยู่

“สถานการณ์ดังกล่าวมีความยุ่งยากลำบาก รัสเซียไม่ได้ต้องการสันติภาพ” นายกรัฐมนตรี อาร์เซนีย์ ยัตเซนยุค บอกต่อรัฐสภา

เขากล่าวหาว่ามอสโคล้มเหลวในการส่งเสริมข้อตกลงหยุดยิงที่ได้มีการบรรลุกันในกรุงมินสก์ของเบลารุสเมื่อเดือนกุมภาพันธ์

“เราได้ทำทุกสิ่งอย่างที่เราสามารถทำได้เพื่อทำให้ข้อตกลงกรุงมิสก์บรรลุผลแล้ว แต่ฝ่ายรัสเซียไม่ได้ยอมก้าวถอยเพื่อบรรเทาสถานการณ์ดังกล่าวเลย” เขากล่าว

เคียฟและตะวันตกกล่าวหารัสเซียว่าส่งอาวุธและทหารเข้าไปช่วยเหลือกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ซึ่งได้เข้ายึดหลายพื้นที่ในภาคตะวันออกของยูเครน แต่มอสโคปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว

“เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมต่อสู้เพื่อสันติภาพมากกว่านี้” ยัตเซนยุค กล่าว พร้อมเรียกร้องหุ้นส่วนชาติตะวันตกของยูเครนส่งอาวุธมาให้

“เรากำลังต่อสู้เพื่อสันติภาพของโลกทั้งใบ ต่อสู้กับการรุนรานของรัสเซีย”

สหรัฐฯและชาติยุโรปบางประเทศได้ส่งอุปกรณ์และครูฝึกทหารไปช่วยกองกำลังยูเครนแล้ว แต่จนตอนนี้ยังปฏิเสธที่จะส่งอาวุธไปให้ ด้วยกลัวว่าจะทำให้ความขัดแย้งนี้ลุกลามบานปลาย

ความขัดแย้งนี้ได้คร่าชีวิตคนแล้วกว่า 6,000 คนในปีที่ผ่านมา และทำให้มีผู้พลัดถิ่นกว่าหนึ่งล้านคน ทั้งนี้อ้างจากองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น)

แม้ว่าจะมีข้อตกลงหยุดยิงกรุงมินสก์ แต่ทีมสังเกตการณ์ขององค์การความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป(โอเอสซีอี) ระบุว่า ยังคงมีการยิงปืนใหญ่แลกกันอยู่ที่แนวหน้าจากทั้งสองฝ่าย

ในขณะที่ฤดูใบไม้ผลิกำลังมาถึง เจ้าหน้ายูเครนบางคนกลัวว่า การสู้รบจะรุนแรงขึ้นอย่างฉับพลันทันทีที่ผ่านพ้นช่วงการเฉลิมฉลองครอบรอบ 70 ปีของชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่ 2 ของรัสเซีย ณ วันที่ 9 พฤษภาคม

เมื่อวันพุธ (22) สหรัฐฯกล่าวหารัสเซียว่าตั้งกองกำลังขึ้นตามแนวพรมแดนติดกับยูเครน , เพิ่มระบบป้องกันทางอากาศในประเทศนี้ และฝึกฝนกลุ่มกบฏยูเครนในภาคตะวันออก

มารี ฮาร์ฟ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า รัสเซียได้จำนวนระบบป้องกันทางอากาศในยูเครนสู่ระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว

สำนักข่าว อินเตอร์แฟกซ์ รายงานว่า อิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมแดนหมีขาว ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวแล้ว