รอยเตอร์ – รัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวหารัสเซียว่านำระบบป้องกันภัยทางอากาศเข้าไปติดตั้งในภาคตะวันออกยูเครนเพิ่มเติม และยังฝึกยุทธวิธีให้แก่กองกำลังกบฏแบ่งแยกดินแดน ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงกรุงมินสก์
แมรี ฮาร์ฟ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงวานนี้ (22 เม.ย.)ว่า “ระบบป้องกันภัยทางอากาศที่รัสเซียนำเข้าไปติดตั้งในยูเครนตะวันออก เพิ่มจำนวนสูงสุดตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นมา” ขณะที่การซ้อมรบของฝ่ายกบฏก็เป็นไปอย่างซับซ้อนยิ่งขึ้น “จนเชื่อได้ว่ารัสเซียต้องมีส่วนช่วยเหลือ”
ฮาร์ฟ ชี้ว่า อากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของรัสเซียที่ฝ่ายกบฏนำมาใช้ในการฝึกซ้อม คือหลักฐานยืนยันว่ามอสโกยังไม่วางมือจากวิกฤตความขัดแย้งครั้งนี้
การสู้รบในยูเครนตะวันออกทวีความร้อนระอุขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้ แม้ข้อตกลงหยุดยิงจะยังมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ โดยแต่ละฝ่ายอ้างว่าฝ่ายตรงข้ามใช้ความรุนแรงก่อน ขณะที่เมื่อวันจันทร์ (20) รัฐมนตรีต่างประเทศ เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ ของรัสเซีย ได้แสดงความมั่นใจว่า การละเมิดข้อตกลงหยุดยิงได้ผ่านพ้นไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กลับออกมาแฉว่า รัสเซียส่งกองกำลังเข้าไปตรึงชายแดนยูเครนเพิ่มขึ้น
“รัสเซียกำลังส่งทหารเข้าไปเพิ่มเติม หลังจากที่ตรึงแนวชายแดนอย่างมั่นคงอยู่แล้ว” ซึ่งทำให้เวลานี้มีทหารรัสเซียประจำการอยู่ตามแนวพรมแดนยูเครนหนาแน่นที่สุดตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมา
ฝ่ายกบฏในภาคตะวันออกซึ่งโกรธแค้นที่อดีตประธานาธิบดี วิกเตอร์ ยานูโควิช ถูกโค่น และไม่ยอมรับอำนาจของรัฐบาลยูเครนชุดใหม่ซึ่งมีจุดยืนเอียงข้างยุโรป ได้ประกาศแยกตัวเป็นอิสระจนเกิดเป็นวิกฤตการณ์สู้รบที่ยืดเยื้อมานานถึงปีเศษ และทำให้มีผู้ถูกสังหารไปแล้วมากกว่า 6,000 คน
ยูเครนและพันธมิตรตะวันตกกล่าวหาว่ามอสโกส่งทั้งทหารและอาวุธเข้าไปหนุนหลังกบฏแบ่งแยกดินแดน ซึ่งรัสเซียยืนกรานปฏิเสธมาตลอด
สหรัฐฯและยุโรปผนึกกำลังคว่ำบาตรรัสเซีย และเตือนว่าบทลงโทษทางเศรษฐกิจจะถูกยกเลิกก็ต่อเมื่อรัสเซียยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขหยุดยิงที่ตกลงกันไว้ที่เมืองหลวงของเบลารุสโดยไม่บิดพลิ้ว