เอเจนซีส์ – ในช่วงวันหยุดเทศกาลอีสเตอร์ 4 วันที่ผ่านมา กลายเป็นช่วงเวลามีค่าของแก๊งโจรปล้นเพชรอังกฤษ ที่กวาดของมีค่าซึ่งถูกเก็บในตูเซฟร่วม 300 ตู้จากทั้งหมด 600 ตู้ในชั้นใต้ดินของบริษัทรับฝากของมีค่าชื่อดัง “แฮตตัน การ์เดน” ที่โด่งดัง หนีไปได้อย่างลอยนวลพร้อมเพชรมูลค่าร่วม 500,000ปอนด์ หลังจากใช้วิธีคล้ายกับภาพยนตร์ฮอลลีวูด เจาะหลังคา ไต่ลงตามสายเคเบิลของช่องลิฟต์เพื่อนำไปสู่ชั้นใต้ดินในที่สุด
เดลีเมล รายงานเมื่อวานนี้(7)ถึงเหตุโจรกรรมที่อุกอาจในช่วงวันหยุดเทศกาลอีสเตอร์ที่ผ่านมาในอังกฤษ เมื่อพบว่าบริษัทรับฝากของมีค่าชื่อดัง “แฮตตัน การ์เดน” ของอังกฤษตกเป็นเป้าหมาย ซึ่งวิธีการโจรกรรมละม้ายคล้ายมาจากภาพยนตร์ฮอลีวูด นับตั้งแต่เจาะหลังคา โรยตัวลงมาผ่านทางช่องลิฟต์ และใช้เครื่องมือตัดขนาดใหญ่เจาะประตูห้องนิรภัยที่ทำด้วยเหล็กกล้าหนา 18 นิ้วที่จะนำไปสู่ขุมทรัพย์มูลค่ามหาศาลที่ถูกเก็บบริเวณชั้นใต้ดินในย่านที่ขายเพชรชื่อดังในกรุงลอนดอน
สื่ออังกฤษรายงานว่า มีความเชื่อว่าแก๊งโจรกรรมเพชรนี้เริ่มต้นการทำงานตั้งแต่คืนวันพฤหัสบดี(2)หลังจากที่ทางพนักงานกลับออกไปแล้วเพื่อเริ่มต้นฉลองหยุดยาวเทศกาลอีสเตอร์ และใช้เวลา 4 วันในการเปิดเซฟร่วม 300 ตู้จากทั้งหมด 600 ตู้ที่เก็บรักษาภายในห้องนิรภัยชั้นใต้ดิน
สื่ออังกฤษชี้ว่า เชื่อกันว่าโจรมืออาชีพแก๊งนี้สามารถตัดสัญญาณการเตือนภัยของเมืองไว้ได้ และทำให้พวกเขาสามารถลงมือทำการปล้นโดยไม่มีอุปสรรคใดๆ ซึ่งการโจรกรรมเพชรถูกพบก็ต่อเมื่อพนักงานบริษัทกลับมาทำงานในวันจันทร์(6)แล้ว
ทั้งนี้ร้านเพชรและเครื่องประดับมีค่าที่ได้ฝากของมีค่าเหล่านี้ไว้กับแฮตตัน การ์เดนในช่วงวันหยุดยาวต่างเกรงว่า เพชรจำนวนมาก นาฬิกายี่ห้อสุดหรู และเงินสดที่เก็บไว้ได้ถูกขโมยไป ซึ่งพบว่าสิ่งของที่มีค่ามากที่สุดที่หายไปคือ เพชรน้ำงามมูลค่าถึง 500,000 ปอนด์
แหล่งข่าววงในเปิดเผยกับเดลีเมลว่า หากโจรมืออาชีพกลุ่มนี้สามารถปล้นเซฟไปได้ถึง 300 ตู้จากทั้งหมด 600 ตู้ ก็เท่ากับว่าโจรกลุ่มนี้ปล้นไปไม่ต่ำกว่าหลายร้อยล้านที่เดียว ในขณะที่ลูกค้าที่ฝากทรัพย์สินไว้กับแฮตตัน การ์เดนต่างยืนอออยู่ด้านนอกบริษัทฝากทรัพย์สินด้วยสีหน้าโกรธเคือง ซึ่งหนึ่งในลูกค้าให้สัมภาษณ์ด้วยเสียงที่ดุดันว่า “ผมรู้สึกเป็นกังวลมาก เพราะผมได้ฝากทรัพย์สินไว้กับที่นี่เป็นเวลาร่วม 40 ปี แต่พวกเขากลับไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดใดๆ”
และลูกค้าอีกคนกล่าวว่า “รู้สึกมีเงื่อนงำในการปล้นครั้งนี้ คล้ายกับว่าเป็นฝีมือของคนใน” ส่วนเจ้าของร้านเพชรให้ข้อสังเกตว่า “จะเป็นไปได้อย่างใดที่จะตัดสัญญาณการเตือนภัย นี่ต้องเป็นฝีมือคนในที่มีข้อมูลอย่างแน่นอน ซึ่งผมได้ยินว่าพวกโจรลงมาทางช่องลิฟต์”
สื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า ในคืนวันจันทร์(7) นอร์แมน บีน (Norman Bean) ลูกค้าเจ้าของร้านเพชรวัย 62 ปี อีกคนที่ฝากทรัพย์สินเครื่องประดับมูลค่า 35,000 ปอนด์ได้เปิดเผยว่า สัญญาณกันขโมยของตึกได้หยุดลงในวันกู๊ดฟรายเดย์(3)เวลาบ่ายโมงตรง “หลังจากสัญญาณเตือนภัยได้ดับลง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ปรากฏตัวที่บริษัทแฮตตัน การ์เดน แต่ไม่พบความผิดปกติใดๆบริเวณประตูทางเข้าออก และไม่ได้ยินเสียงใดๆทั้งสิ้น จึงคิดว่าไม่น่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น และกลับออกไป ซึ่งผมคิดว่าพวกโจรมืออาชีพน่าจะอยู่ในนั้นแล้ว และผมยังได้รับทราบข้อมูลว่า กลุ่มโจรลงไปห้องนิรภัยทางช่องลิฟต์ และถอดกล้องทีวีวงจรปิดออกจากผนัง ”
เดลีเมลรายงานต่อว่า สมาชิกแก๊งโจรปล้นเพชรได้ตัดลูกกรงเหล็กออกก่อนที่จะปิดสัญญาณเตือนภัยบริเวณประตูห้องนิรภัยหลัก แหล่งข่าวอ้าง และพบว่าทางกลุ่มโจรได้ใช้เครื่องมือตัดขนาดใหญ่เพื่อทำการเจาะผ่านประตูเหล็กที่มีความหนา 18 นิ้วเข้าไปภายใน
และหลังเกิดเหตุ ตำรวจอังกฤษเพิ่งได้รับแจ้งการปล้นทรัพย์ในเช้าวันจันทร์(6)เวลา 8.10 น.หลังจากพนักงานบริษัทแฮตตัน การ์เดนพบ และส่งผลให้สก็อตแลนด์ยาร์ดหน่วย Flying Squad รุดไปยังที่เกิดเหตุ
ในขณะที่ ลูว์อิส มาลคา ( Lewis Malka) ผู้เชี่ยวชาญด้านเพชรและอัญมณีประเมินความเสียหายของการโจรกรรมครั้งนี้ว่า “น่าจะมีมูลค่าเป็นจำนวนมหาศาลสำหรับทรัพย์สินที่ถูกปล้นไป” และให้ความเห็นเพิ่มเติมถึงผู้เสียหายว่า “ตามปกติกลุ่มคนที่ฝากทรัพย์สินไว้กับแฮตตัน การ์เดนมักเป็นเจ้าของร้านเพชรและเครื่องประดับ” โดยก่อนหน้านี้มาลคาได้ทวีตผ่านแอกเคาน์ส่วนตัวว่า “เป็นวันที่สงบ แต่แล้วจู่ๆหนึ่งในลูกค้าของผมได้ติดต่อเข้ามาว่า กำไลที่เก่าแก่ได้หายไปจากการปล้นบริษัทนิรภัยแฮตตัน การ์เดน”
ด้านนักออกแบบเครื่องประดับ เทลมา เวสต์ (Thelma West)ให้ความเห็นว่า “การปล้นแฮตตัน การ์เดน ครั้งนี้ถือเป็นการปล้นที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในอังกฤษ ซึ่งปกติเจ้าของร้านเพชรและดีลเลอร์ต่างฝากทรัพย์สินไว้กับบริษัทรับฝากทรัพย์สินที่มีความมั่นคงสูงในช่วงเทศกาลวันหยุด เช่น อีสเตอร์ ซึ่งหมายความว่า จะเงียบมากที่บริษัทแห่งนี้ในช่วงหยุดยาว และเป็นที่น่าเสียดายบรรดาเจ้าของร้านเพชรมักไม่ได้ทำประกันในทรัพย์สินเหล่านั้น ซึ่งทำให้คาดได้ว่า ความเสียหายจากการถูกโจรกรรมล่าสุดนี้จะร่วมหลายล้านปอนด์ทีเดียว”
ในขณะที่สกายนิวส์สื่ออังกฤษ ระบุว่า กว่า 90% ของตู้เซฟของแฮตตัน การ์เดนที่ถูกเช่าไปนั้นมาจากผู้ประกอบการร้านเครื่องประดับในย่านนี้ทั้งสิ้น
เดลี เมล สื่ออังกฤษยังรายงานเพิ่มเติมว่า และเป็นการยากสำหรับตำรวจอังกฤษจะทราบถึงมูลค่าแน่ชัดของทรัพย์สินที่ได้หายไปเนื่องจากข้อมูลถูกเก็บเป็นความลับจากธรรมชาติของธุรกิจฝากทรัพย์สินในตู้นิรภัยที่มักต้องการปิดเป็นความลับ และลูกค้าผู้เสียหายลังเลที่จะเปิดเผยตัวเลขที่แท้จริงออกไป แต่อย่างไรก็ตามทางตำรวจอังกฤษยืนยันว่า ในขณะนี้เจ้าหน้าที่สอบสวนและหน่วยพิเศษ Flying Squad ที่ทำหน้าที่ในคดีอาชญากรรมองค์กรและอาชญากรรมเศรษฐกิจกำลังติดตามคนร้ายอย่างเร่งรีบ
