เอเจนซี-ผลการศึกษาล่าสุดโดยสถาบันวิจัยพีวในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ของสหรัฐฯพบข้อมูลว่าในอีก 40 ปีข้างหน้า แม้ชาวคริสต์จะยังคงเป็นกลุ่มประชากรทางศาสนาที่มีจำนวนมากที่สุดในโลก แต่อัตราการขยายตัวของชาวมุสลิมกลับมีการเติบโตเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วยิ่งกว่ากลุ่มผู้นับถือศาสนาอื่นใด
ข้อมูลล่าสุดซึ่งถูกเผยแพร่ในวันพฤหัสบดี (2 เม.ย.) ระบุ ชาวคริสต์ในสหรัฐอเมริกาจะลดจำนวนลงเหลือเพียง 2 ใน 3 เมื่อถึงปี ค.ศ.2050 จากที่เคยมีสัดส่วนราว 3 ใน 4 ของประชากรเมื่อปี 2010 ขณะที่ศาสนาอิสลามจะแซงหน้าศาสนายูดา (ยิว) ขึ้นเป็นศาสนาที่มีจำนวนผู้นับถือมากเป็นอันดับ 2 ในสหรัฐฯ
นอกเหนือจากการที่ศาสนาอิสลามจะกลายเป็นศาสนาที่มีจำนวนผู้นับถือมากเป็นอันดับ 2 ในสหรัฐฯแล้ว ผลการศึกษาล่าสุดยังพบการขยายตัวของชาวมุสลิมในพื้นที่ต่างๆทั่วโลก โดยคาดว่า เมื่อถึงปี ค.ศ.2050 ชาวมุสลิมจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น 10% ของประชากรในทวีปยุโรป
และเมื่อถึงปี 2100 สัดส่วนของชาวมุสลิมทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 34% ของประชากรโลก ซึ่งเท่ากับสัดส่วนของชาวคริสต์ที่มี 34% เช่นกัน ส่งผลให้ศาสนาคริสต์จะสูญเสียสถานะของการผูกขาดเป็นศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดในโลกไปในทันที
อย่างไรก็ดี ผลการศึกษาล่าสุดพบข้อมูลว่า แม้กลุ่มผู้ไม่เลื่อมใสศรัทธาในศาสนาใดเลย จะมีแนวโน้มเพิ่มจำนวนมากขึ้นในสหรัฐฯและฝรั่งเศส แต่จำนวนของผู้ที่ไม่นับถือศาสนาใดเลยทั่วโลกกลับมีแนวโน้มลดลงโดยเฉพาะในจีนที่ในปัจจุบันยังมีประชากรราว 50% จากทั้งหมด 1,300 ล้านคนที่ไม่ได้นับถือศาสนาใด