เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ผลสำรวจล่าสุดที่จัดทำโดยสถาบันวิจัย “พีว”ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.พบข้อมูลว่า จำนวนประชากรชาวผิวดำที่ว่างงานในสหรัฐฯ มีมากกว่าประชากรผิวขาวที่ไม่มีงานทำถึงเท่าตัวในยุคของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำผิวสีคนแรกในประวัติศาสตร์อเมริกัน
ผลสำรวจล่าสุดของสถาบันวิจัยพีวที่มีการเผยแพร่ในวันพฤหัสบดี (22) ระบุว่า นับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาขึ้นครองอำนาจอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคมปี 2009 จนถึงขณะนี้ อัตราการว่างงานของประชากรเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกันในสหรัฐฯได้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 13.4 เปอร์เซ็นต์แล้ว
ขณะที่อัตราการว่างงานของประชากรอเมริกันในส่วนของคนผิวขาวนั้นล่าสุดอยู่ที่ราว 6.7 เปอร์เซ็นต์ หรือเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นของประชากรผิวดำที่ไม่มีงานทำ
ผลสำรวจที่ออกมาสอดคล้องกับข้อมูลของสำนักงานสถิติแรงงานแห่งชาติ (บีแอลเอส) ที่ระบุว่าภาวะที่จำนวนคนผิวดำมีสภาพเป็นผู้ว่างงาน มากกว่า คนผิวขาวในเวลานี้ ใกล้เคียงกับปรากฏการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในช่วงกลางทศวรรษที่ 1950 ซึ่งในเวลานั้น อัตราการว่างงานของคนผิวดำในสหรัฐฯอยู่ที่เกือบ 10 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอัตราว่างงานของคนผิวขาวขณะนั้นอยู่ที่ราว 5 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ ผลสำรวจล่าสุดถูกเผยแพร่ออกมาในช่วงเดียวกับวาระครบรอบ 50 ปีการกล่าวสุนทรพจน์ “ความฝัน” อันโด่งดังของมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ เมื่อปี 1963 พอดี และเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า แม้เวลาจะผ่านมานานกว่าครึ่งศตวรรษแต่ภาวะทางเศรษฐกิจและฐานะทางสังคมของคนผิวดำส่วนใหญ่ในสหรัฐฯก็ยังคงต่ำเตี้ยกว่าคนผิวขาว