รอยเตอร์ - กระทรวงการต่างประเทศจีนในวันพฤหัสบดี (2 เม.ย.) แสดงความโกรธ หลังเครื่องบินรบของสหรัฐฯ 2 ลำลงจอดในไต้หวัน การติดต่อสื่อสารอย่างเป็นทางการที่ไม่พบเห็นบ่อยนักระหว่างกองทัพอเมริกาและเกาะประชาธิปไตยปกครองตนเองแห่งนี้
สำนักข่าวกลางไต้หวันบอกว่าเครื่องบินเอฟ-18 จำนวน 2 ลำ ลงจอดที่ฐานทัพอากาศแห่งหนึ่งในภาคใต้ของไต้วันเมื่อวันพุธ (1 เม.ย.) หลังประสบอัญหาขัดข้องทางเครื่องยนต์ แต่ไม่ได้ระบุว่าเครื่องบินรบทั้ง 2 ลำบินมาจากไหนและมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ใด
โฆษกเพนตากอนชี้แจงว่า “แม้มันเป็นการลงจอดโดยไม่ได้วางแผนไว้และเกิดขึ้นจากความจำเป็นด้านเครื่องยนต์โดยเฉพาะ แต่มันสะท้อนภาพของไต้หวันเป็นอย่างดี ต่อกรณีที่พวกเขาอนุญาตให้นักบินที่ส่งสัญญาณแจ้งเหตุร้ายลงจอดอย่างปลอดภัย”
อย่างไรก็ตาม โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนบอกระหว่างแถลงสรุปประจำวันว่า “เราได้แสดงออกอย่างจริงจังไปยังฝั่งสหรัฐฯ แล้ว จีนต้องการให้สหรัฐฯยึดถืออย่างเข้มงวดต่อนโยบายจีนเดียว และจัดการกับเหตุการณ์นี้อย่างระมัดระวังและเหมาะสม”
เมื่อ 1979 สหรัฐฯได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนแผ่นดินใหญ่และรับรองรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายแต่รัฐบาลเดียว พร้อมยกเลิกสนธิสัญญาต่างๆ ที่จัดทำกับไต้หวัน
การหักหลังไต้หวันของสหรัฐฯ ดังกล่าวส่งผลให้เกิดความไม่พอใจอย่างรุนแรงในหมู่ชาวไต้หวันในขณะนั้น ดังนั้นภายใต้ความพยายามของบรรดาสมาชิกรัฐสภา จึงได้มีการประกาศใช้ “กฎหมายว่าด้วยความสัมพันธ์ไต้หวัน” ที่เป็นกฎหมายที่มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในสหรัฐฯ เพื่อเป็นกรอบแก่ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับสหรัฐฯ
ภายใต้กฎหมายดังกล่าวยังคงถือไต้หวันเป็นพันธมิตรที่สำคัญของสหรัฐฯต่อไป และแสดงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างสูงต่อความมั่นคงปลอดภัยของไต้หวัน ตลอดจนย้ำจุดยืนของสหรัฐฯที่มีพันธกิจช่วยไต้หวันปกป้องตนเอง
กรณีสหรัฐฯขายอาวุธแก่ไต้หวันเมื่อเร็วๆ นี้ หรือการติดต่ออย่างเป็นทางการระหว่างกองทัพทั้งสอง ได้เรียกเสียงประณามอย่างดุเดือดจากจีน แต่ยังไม่ถึงขั้นก่อความเสียหายถาวรแก่ความสัมพันธ์ของปักกิ่งกับวอชิงตันหรือแม้กระทั่งไต้หวัน
จันมองไต้หวันเป็นมณฑลผู้ทรยศของตนเองและไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารเข้าควบคุม
