เอเอฟพี – ประธานสภายิวโลก (WJC) เตือนสหรัฐฯ ให้ตระหนักถึงกระแสเกลียดชังชาวเซมิติก (anti-Semitism) ที่กำลังกลับมาอีกครั้งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านไปแล้วถึง 70 ปี โดยระบุว่าเวลานี้ชาวยิวทั่วโลกต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวงภัย
โรนัลด์ ลอเดอร์ ประธานสภายิวโลก แถลงต่อคณะกรรมการสภาคองเกรสที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยอ้างถึงเหตุโจมตีที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศสเมื่อต้นปีนี้ว่าเป็นสัญญาณเตือนภัยคุกคามที่สหรัฐฯ ไม่ควรนิ่งเฉย
“เวลานี้ชาวยุโรปเชื้อสายยิวมีชีวิตอยู่อย่างหวาดกลัวอีกครั้ง เหมือนเมื่อทศวรรษ 1930” มหาเศรษฐีพันล้านผู้สืบทอดธุรกิจเครื่องสำอาง “เอสเต ลอเดอร์” ระบุ
“สหรัฐฯ มีความสามารถ และควรที่จะประณามการกระทำชั่วช้าเช่นนั้นออกไปอย่างชัดๆ ว่ามันคือความเกลียดชังที่พวกอิสลามหัวรุนแรงมีต่อชาวยิว”
“การจะปราบลัทธิก่อการร้ายของพวกอิสลามหัวรุนแรงได้นั้น... สหรัฐฯ ต้องเป็นผู้นำ” ลอเดอร์ ซึ่งมีมารดาเป็นชาวยิวและนับถือศาสนายิว กล่าว
สภายิวโลกเป็นองค์กรตัวแทนพลเมืองชาวยิวที่อาศัยอยู่ใน 100 ประเทศทั่วโลก
ลอเดอร์ ย้ำว่า การมุ่งประสงค์ร้ายต่อชาวยิวเริ่มเกิดถี่ขึ้น ทั้งในกรุงปารีสและเมืองตูลูสของฝรั่งเศส รวมถึงที่กรุงโคเปนเฮเกนของเดนมาร์กด้วย
แดน อัสมุสเซน ผู้นำชุมชนชาวยิวในเดนมาร์ก ระบุว่า “สังคมเดนมาร์กไม่เคยมีความรู้สึกต่อต้านชาวเซมิติก แต่การข่มขู่ที่ชาวเดนิชเชื้อสายยิวได้รับก็เหมือนกับที่อื่นๆ ในยุโรป คือเกิดจากพวกมุสลิมหัวรุนแรงชายขอบ”
โรเจอร์ คูเกียร์มาน ผู้นำชาวยิวในฝรั่งเศสกล่าวเสริมว่า “พวกเขากำลังทำสงครามกับอารยธรรมสมัยใหม่ของตะวันตก และนักรบญิฮาดก็เห็นชาวยิวเป็นเป้าหมายที่เหมาะที่สุด”
“พวกเราชาวยิวเป็นเสมือนองครักษ์ที่ถูกส่งไปแนวหน้าในสงครามครั้งนี้ แต่เราก็ไม่ใช่เหยื่อกลุ่มเดียว ยังมีทหาร ตำรวจ ผู้หญิง และสื่อมวลชนที่ถูกฆ่าด้วย”
หลังเกิดเหตุกราดยิงกองบรรณาธิการนิตยสารเสียดสี ชาร์ลี เอ็บโด และซุปเปอร์มาร์เก็ตยิวในกรุงปารีสจนมีผู้เสียชีวิต 17 ราย รัฐบาลฝรั่งเศสก็ได้สั่งเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังขั้นสูงสุด โดยส่งทหารและตำรวจลงพื้นที่คุ้มกันจุดเสี่ยง เช่น สำนักข่าว และศาสนสถานของชาวยิว เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ต่อต้านก่อการร้ายยอมรับว่า มาตรการเช่นนี้คงไม่อาจช่วยป้องกันได้มากนัก หากเป็นการบุกโจมตีแบบสายฟ้าแลบเหมือนที่เกิดกับ ชาร์ลี เอ็บโด