เอเอฟพี – รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้พบปะกันในวันนี้ (21) เพื่อร่วมการประชุมครั้งแรกของพวกเขาในรอบเกือบ 3 ปี โดยมีเป้าประสงค์เพื่อทำให้ความตึงเครียดในภูมิภาคซึ่งฝังรากลึกในกรณีพิพาททางพรมแดนและทางการทูตอื่นๆ คลี่คลายลง
ทั้งสามประเทศมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง แต่ความสัมพันธ์โดยรวมกลับถูกทำให้มัวหมองจากประเด็นปัญหาทางประวัติศาสตร์ที่ไม่ได้รับการแก้ไขเมื่อช่วงที่จักรวรรดิญี่ปุ่นยึดครองคาบสมุทรเกาหลีและยึดครองบางส่วนของจีนทั้งก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2
ทั้งปักกิ่งและโซลรักษาระยะห่างอย่างเย็นชาจากโตเกียวในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างแดนโสมกับแดนมังกรกลับเจริญรุดหน้ามาขึ้นเรื่อย
บัน คีมุน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) อธิบายถึงการขาดความปรองดรองระหว่าง 3 ชาตินี้ ซึ่งมีจีดีพีรวมกันคิดเป็นราว 20 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีโลก ว่าเป็น การขาดสะพานเชื่อมที่จำเป็นต่อสันติภาพและเสถียรภาพในเอเชียตะวันออก
ทางด้านวอชิงตันก็ประสบกับปัญหาที่พวกเขาเรียกว่า “ความรับผิดชอบทางยุทธศาสตร์” จากรอยร้าวระหว่างโสมขาวและแดนอาทิตย์อุทัย สองพันธมิตรหลักในเอเชียของพวกเขา และจะยินดีกว่าถ้าสองประเทศนี้ให้ความสำคัญที่การร่วมแรงร่วมใจกันประจันหน้ากับพญามังกรที่นับวันยิ่งก้าวร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ
จีนและเกาหลีใต้รู้สึกว่าญี่ปุ่นแสดงความสำนึกเสียใจกับอดีตช่วงสงครามของตนไม่เพียงพอ และทั้งสองชาติต่างตอบสนองอย่างเดือดดาลเมื่อนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่นไปเยือนศาลเจ้ายาสุกุนิในกรุงโตเกียว ที่ยกย่องผู้เสียชีวิตช่วงสงครามของญี่ปุ่น ซึ่งร่วมถึงอาชญากรสงครามระดับสูงหลายคน เมื่อเดือนธันวาคมปี 2013
การรื้อฟื้นการประชุมของรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ 3 ฝ่ายครั้งนี้ ซึ่งถูกจัดขึ้นครั้งสุดท้ายในเดือนเมษายนปี 2012 แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าและอาจกรุยทางสู่การประชุมสุดยอดระดับผู้นำ 3 ฝ่าย ซึ่งอาจเกิดขึ้นปีนี้
ไม่มีการกำหนดวาระหารือสำหรับการประชุมในวันนี้ (21) และเป็นไปได้ว่า รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ 3 คนอาจพยายามมุ่งความสนใจที่เรื่องของความร่วมมือที่มีความอ่อนไหวน้อย อย่างเรื่องความเสี่ยงด้านภัยพิบัติและสิ่งแวดล้อมเพื่อที่จะรักษาแรงกระตุ้นเอาไว้