เอเอฟพี - ฮิวแมนไรต์วอตช์ ออกมากล่าวหาในวันนี้ (19) ว่า ทั้งรัฐบาลและกองกำลังกบฏต่างใช้ระเบิดพวง หรือคลัสเตอร์บอมบ์ (cluster bomb) ในภาคตะวันออกของยูเครน เป็นเหตุให้นับตั้งแต่ช่วงต้นปีเป็นต้นมา มีพลเรือนเสียชีวิตเพราะอาวุธชนิดนี้แล้วอย่างน้อย 13 ราย
“การใช้ระเบิดพวงเผยให้เห็นถึงการไม่คำนึงถึงชีวิตพลเรือนอย่างสิ้นเชิง” โอเล โซลแวง นักวิจัยฉุกเฉินอาวุโสจากฮิวแมนไรต์วอตช์ (HRW) กล่าว
“ทั้งสองฝ่ายไม่ควรใช้อาวุธที่ถูกสั่งห้ามอย่างกว้างขวางชนิดนี้ มันมีผลกระทบกินบริเวณกว้าง อันตรายต่อพลเรือนโดยรอบ และระเบิดย่อยที่ไม่ทำงานอาจเป็นอันตรายต่อพลเรือนในภายหลัง”
กลุ่มสิทธิซึ่งมีฐานอยู่ที่สหรัฐฯ กลุ่มนี้ระบุว่า พวกเขามีหลักฐานว่าทั้งสองฝ่ายคู่ขัดแย้งในภาคตะวันออกของยูเครนเคยใช้อาวุธชนิดนี้ในเดือนทกราคมและกุมภาพันธ์ปีนี้ ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิต 13 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีเด็กรวมอยู่ด้วย 2 คน
HRW เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายเข้าร่วมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยระเบิดพวงปี 2008 (Convention on Cluster Munitions 2008) ที่ห้ามการใช้อาวุธประเภทนี้
“ทางการยูเครนและรัสเซียดูเหมือนจะเห็นพ้องว่าการใช้อาวุธชนิดนี้ในพื้นที่ผู้อยู่อาศัยเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้” โซลแวงกล่าว และชี้ว่า “การดำเนินของพวกเขาจำเป็นต้องสอดคล้องกับวาทศิลป์ที่ให้ไว้ด้วย”
ยูเครนปฏิเสธว่าไม่ได้ใช้ระเบิดพวงในความขัดแย้งครั้งนี้
เคียฟและพันธมิตรชาติตะวันตกกล่าวหารัสเซียว่าติดอาวุธให้กลุ่มกบฏ และเป็นผู้นำการลุกฮือฝักใฝ่เครมลินในภาคตะวันออก แต่มอสโกปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) คาดการณ์ว่านับตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่แล้ว ความขัดแย้งนี้ได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 6,000 คน แม้ว่าข้อตกลงหยุดยิงที่ได้รับการลงนามเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ได้มีการปฏิบัติตามแล้วในพื้นที่ส่วนใหญ่ แต่ก็ยังมีการปะทะกันประปรายอยู่บ้าง