xs
xsm
sm
md
lg

คนเกือบแสนหนีสงครามในโกกังจนร้างทั้งเมือง หวั่นพม่าลุยใหญ่อีกระลอก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<br><FONT color=#000033>ประชาชนที่หลบหนีออกจากพื้นที่ขัดแย้งใกล้พรมแดนพม่าและจีนต่อแถวขึ้นรถบรรทุกเพื่อเดินทางไปยังค่ายผู้ลี้ภัยในเมืองมัณฑะเลย์จากค่ายชั่วคราวในเมืองลาเฉียว เมื่อวันที่ 18 ก.พ.-- Agence France-Presse/Ye Aung Thu.</font></b>

เอเอฟพี - พลเรือนเกือบ 90,000 คน ในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของพม่า ได้อพยพยออกจากพื้นที่ต่อสู้ระหว่างกองกำลังทหารของรัฐ และกลุ่มกบฏชาติพันธุ์ ทางการพม่าระบุวานนี้ (18) และความรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นระยะๆ ขัดขวางความพยายามที่จะอพยพผู้คนที่ยังติดอยู่ท่ามกลางการสู้รบ

กลุ่มกบฏวิตกว่า กองทัพพม่ากำลังวางแผนโจมตีครั้งใหญ่หลังประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตโกกัง ของรัฐชาน เมื่อวันอังคาร (17)

ทั่วทั้งเมือง และหมู่บ้านต่างๆ อยู่ในสภาพว่างเปล่า เมื่อผู้อยู่อาศัยหลายหมื่นคนได้หลบหนีออกจากที่อยู่ของตัวเอง บ้างก็ใช้วิธีเดินเท้า

ประชาชนอย่างน้อย 30,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวโกกังเชื้อสายจีน ได้ข้ามพรมแดนไปยังมณฑลหยุนหนานของจีน ที่สร้างความวิตกต่อรัฐบาลปักกิ่ง

การปะทะยังคงดำเนินอยู่ในวันพุธ และพลเรือนจำนวนมากเดินทางมาถึงเมืองลาเฉียว (Lashio) ด้วยความหวาดกลัวว่าอาจติดอยู่ในเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน

และในวันอังคาร มีประชาชนราว 100 คน ตกอยู่ภายใต้การโจมตีขณะเดินทางด้วยรถบรรทุกของสภากาชาดพม่า

“นับว่าปาฏิหาริย์ที่พวกเราไม่โดนลูกปืน” หม่อง ยิง กล่าวต่อสำนักข่าวต่างประเทศในเมืองลาเฉียว หลังเหตุโจมตีขบวนรถช่วยเหลือ ที่ติดธงกาชาดแต่ไม่ได้รับความคุ้มครองจากทหาร

“คนร้ายยิงมาจากบริเวณภูเขาทั้งสองฝั่งของถนน ผมคิดว่าเราจะตายกันหมดแล้ว กระสุนพุ่งผ่านหัวพวกเราไป” หม่อง ยิง กล่าว และระบุว่า สถานการณ์อันเลวร้ายเกิดขึ้นนานนับชั่วโมง

ขบวนรถกาชาดขับผ่านเมืองลอกกาย (Laukkai) จุดศูนย์กลางการต่อสู้ดุเดือดนับตั้งแต่ฝ่ายกบฏเปิดฉากโจมตีเมื่อสัปดาห์ก่อน

ตุน ตุน อู หัวหน้ากาชาดเมืองลาเฉียว กล่าวว่า เวลานี้อันตรายเกินไปที่จะเข้าไปในเมืองลอกกาย

“เราทำได้แค่รอให้ผู้คนเดินทางมาหาเรา แต่ถ้ากองทัพจะให้ความคุ้มครองพวกเขาเราถึงจะกลับเข้าไป” ตุน ตุน อู กล่าว

ทั้งกองทัพ และกลุ่มกบฏต่างกล่าวโทษกันในเหตุโจมตีที่เกิดขึ้นนี้

ผู้ประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติในพม่า กล่าวว่า เหตุโจมตีขบวนรถช่วยเหลือเป็นการกระทำที่ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรม และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่อความขัดแย้งรับประกันว่า พลเรือนจะได้รับความคุ้มครอง และอนุญาตให้พลเรือนที่ยังคงอยู่ในเขตพื้นที่ขัดแย้งสามารถเดินทางออกจากเขตโกก้างได้อย่างปลอดภัย

ความรุนแรงที่ปะทุขึ้นตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ. ทำให้ฝ่ายทหาร และฝ่ายกบฏเสียชีวิตไปแล้วหลายสิบคน แต่ยังไม่มีรายงานพลเรือนเสียชีวิต

กอ นี นาย สมาชิกรัฐสภาชาวโกก้ง ของเมืองลอกกาย เชื่อว่ามีประชาชนเกินครึ่งจากจำนวน 140,000 คน ของเขตโกกังเดินทางอพยพออกจากพื้นที่

“มีผู้ลี้ภัยจำนวนมากหนีออกมาจากเมืองลอกกาย และพื้นที่ใกล้เคียง” กอ นี นาย กล่าวผ่านโทรศัพท์จากกรุงเนปีดอ และว่า การต่อสู้ประปรายยังคงมีอยู่ในวันพุธแม้ว่าตัวเมืองเองจะเงียบสงบก็ตาม

สมาชิกรัฐสภาผู้นี้ยังระบุอีกว่า มีประชาชนราว 8,000 คน อพยพไปภาคกลางผ่านเมืองลาเฉียว ชาวโกกังราว 40,000 คน ข้ามฝั่งไปจีน ส่วนชาวโกกัง และชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์อื่นๆ อีกกลุ่มหนึ่งประมาณ 40,000 คน คาดว่าพยายามหาที่ปลอดภัยอยู่ตามแนวชายแดน

จีนระบุว่า ได้เพิ่มมาตรการควบคุมชายแดน และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายป้องกันไม่ให้การต่อสู้ยกระดับรุนแรงขึ้น

อย่างไรก็ตาม มีความเคลื่อนไหวของฝ่ายกองทัพเพิ่มขึ้นในเมืองลาเฉียวเมื่อวันพุธ แม้ว่าการต่อสู้จะเบาบางลงในช่วงนี้ โดยฝ่ายทหารได้ประจำการเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ และรถบรรทุก 6 คัน เตรียมพร้อมอยู่ที่สนามบินของกองทัพซึ่งตั้งอยู่บริเวณชานเมือง

“กองทัพเพิ่มกองกำลังทั้งรถถัง และอาวุธหนักในพื้นที่ เราเชื่อว่าจะมีการต่อสู้อีก” โฆษกของกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง ที่ร่วมสู้รบกับกลุ่มกบฏโกกัง กล่าว พร้อมปฏิเสธการมีส่วนเกี่ยวข้องต่อเหตุโจมตีขบวนรถช่วยเหลือ

รัฐบาลกึ่งพลเรือนของพม่าได้ลงนามข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มกบฏชาติพันธุ์หลายกลุ่ม อันเป็นเสาหลักสำคัญของการปฏิรูป ในขณะที่ประเทศมุ่งไปสู่การเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในช่วงปลายปี แต่การสู้รบที่เกิดขึ้นนี้สร้างความวิตกว่าความพยายามต่างๆ จะถูกทำลาย.
<br><FONT color=#000033>ทหารพม่าเดินลาดตระเวนในเมืองลวกไก เมืองเอกของเขตโกก้าง ทางเหนือของรัฐชาน เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ประธานาธิบดีเต็งเส่งประกาศว่าจะไม่ยอมเสียดินแดนแม้เพียงตารางนิ้วเดียวในการต่อสู้กับกลุ่มกบฎชาติพันธุ์.-- Agence France-Presse/Ye Aung Thu.</font></b>
กำลังโหลดความคิดเห็น