เอเอฟพี - กองทัพสหรัฐฯ กำลังเดินหน้าตรวจสอบความเป็นไปได้ในหลายกรณีที่อาจมีพลเรือนถูกสังหารในปฏิบัติการทางอากาศ ซึ่งมุ่งโจมตีกลุ่มนักรบญิฮาดหัวรุนแรง “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ในอิรักและซีเรีย เจ้าหน้าที่อเมริกันยอมรับวานนี้ (6 ม.ค.)
นับเป็นครั้งแรกที่กองทัพสหรัฐฯ ออกมาแถลงยอมรับว่า มีความเป็นไปได้ที่ภารกิจโจมตีทางอากาศของกลุ่มชาติพันธมิตรภายใต้การนำของสหรัฐฯ อาจทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตจริง
เจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐฯ กล่าวกับเอเอฟพีว่า แรกเริ่มเดิมทีกองบัญชาการกลางสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ควบคุมสั่งการปฏิบัติการทางอากาศได้ตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้น 18 ครั้ง จนพบว่ามี 13 กรณีด้วยกันที่ไม่น่าจะมีพลเรือนถูกสังหาร ในขณะที่อีก 5 กรณีที่เหลือยังต้องรอการพิสูจน์ต่อไป ทั้งนี้ 2 ใน 5 กรณีที่น่าเชื่อว่ามีพลเรือนเสียชีวิตในอิรักและซีเรียได้กระตุ้นให้มีการเปิดฉากสืบสวนอย่างเป็นทางการ
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังระบุว่า 1 ใน 5 กรณีที่กำลังเร่งตรวจสอบในตอนนี้เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา
พล.ร.ต.จอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “เท่าที่ผมทราบ กองบัญชาการกลางสหรัฐฯ กำลังสืบสวนกรณีที่อาจมีพลเรือนเสียชีวิต (ในปฏิบัติการทางอากาศของกลุ่มชาติพันธมิตร) ซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นข้อกล่าวหาที่มีมูลความจริง”
“ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญมาโดยตลอด ทุกครั้งที่เราดำเนินปฏิบัติการในทุกสถานที่ เราพยายามระมัดระวัง ให้พลเรือนได้รับอันตรายน้อยที่สุด”
ถ้อยแถลงของ พล.ร.ต.เคอร์บี นับเป็นจุดพลิกผันครั้งสำคัญ หลังจากหลายเดือนที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมย้ำนักย้ำหนาว่า พวกเขาไม่เคยยืนยันว่า มีพลเรือนเสียชีวิตจากการทิ้งระเบิดโจมตีทางอากาศ
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ บรรดาองค์การสิทธิมนุษยชนเคยรายงานว่า มีพลเรือนหลายสิบคนถูกสังหารในปฏิบัติการทางอากาศของกลุ่มชาติพันธมิตรภายใต้การนำของสหรัฐฯ โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในซีเรีย
เมื่อเดือนตุลาคม องค์การสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน “ซีเรียน ออบเซอร์วาทอรี ฟอร์ ฮิวแมนไรต์ส” ที่มีสำนักงานใหญ่ในอังกฤษระบุว่า มีพลเรือนเสียชีวิต 32 คน ตลอดจนมีนักรบญิฮาดจากกลุ่มรัฐอิสลามถูกสังหารไปทั้งสิ้น 467 ราย หลังเดือนแรกของภารกิจโจมตีทางอากาศในซีเรียผ่านพ้นไป
เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ซึ่งไม่ขอเปิดเผยนามชี้ว่า “ไม่น่าจะเป็นไปได้ว่า จนกระทั่งบัดนี้ยังไม่มีพลเรือนเสียชีวิตจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ” ของกลุ่มชาติพันธมิตรภายใต้การนำของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวระบุเพิ่มเติมว่า เนื่องจากกองทัพสหรัฐฯ ไม่ได้ส่งทหารเข้าไปในซีเรีย อีกทั้งส่งกำลังพลไปประจำการในอิรักเพียงเล็กน้อย จึงยากที่จะตรวจสอบได้แน่ชัดว่า จนถึงตอนนี้ มีพลเรือนถูกสังหารในภารกิจโจมตีทางอากาศเป็นจำนวนเท่าใด
พ.ต.เคอร์ติว เคลลอกก์ โฆษกกองบัญชาการกลางสหรัฐฯ กล่าวว่า “สภาพแวดล้อมในอิรักและซีเรียในปัจจุบัน ทำให้การตรวจสอบข้อกล่าวหาเหล่านี้เป็นงานที่ท้าทายยิ่งนัก เนื่องจากเราไม่สามารถใช้วิธีการสืบสวนตามมาตรฐาน อย่างการซักถามพยาน และการลงตรวจสอบที่เกิดเหตุ ได้อยู่แล้ว”
นายทหารระดับผู้บังคับบัญชาเผยว่า จนถึงช่วงกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา กลุ่มชาติพันธมิตรได้ดำเนินปฏิบัติการทางอากาศในอิรักและซีเรียแล้วกว่า 1,300 ครั้ง โดยภารกิจส่วนใหญ่นั้นเกิดจากส่งเครื่องบินขับไล่ เครื่องบินทิ้งระเบิด และอากาศยานไร้นักบิน (โดรน) ของสหรัฐฯ ออกโจมตี
ทั้งนี้ ภารกิจโจมตีกลุ่มหัวรุนแรงไอเอสทางอากาศในอิรักได้เปิดฉากขึ้นเป็นครั้งแรกในวันที่ 8 สิงหาคม ก่อนจะขยายขอบเขตเข้าสู่น่านฟ้าซีเรียตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน