เอเอฟพี – พายุไซโคลน “แพม” พัดถล่มหมู่เกาะวานูอาตูทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิกเมื่อช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา (14 มี.ค.) ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนถูกลมพายุกระหน่ำเสียหายยับเยิน และคาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน ขณะที่กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ในนิวซีแลนด์ยกให้พายุลูกนี้เป็นมหาวาตภัยที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของแปซิฟิก
สภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นยังไม่สามารถระบุชัดเจน เนื่องจากมีอุปสรรคในการสื่อสาร หลังจากไซโคลนแพมซึ่งมีความรุนแรงระดับ 5 พัดขึ้นสู่ฝั่งด้วยความเร็วลมสูงสุด 330 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเมื่อช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา
“เราคาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่ง หรืออาจจะมาก ยังไม่ทราบแน่ชัด” ซูเน กุดนิตซ์ หัวหน้าสำนักงานประสานงานด้านกิจการมนุษยธรรมในภูมิภาคแปซิฟิกขององค์การสหประชาชาติ ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี
“เท่าที่มีรายงานเข้ามา ดูเหมือนพายุลูกนี้จะสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง เศษซากปรักหักพังเกลื่อนตามท้องถนน และเกิดน้ำท่วมฉับพลันหลายจุด”
องค์การสหประชาชาติได้รับรายงานผู้เสียชีวิต 44 คนในจังหวัดหนึ่งของวานูอาตู แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้
ทอม สเกอร์โรว์ จากมูลนิธิเซฟเดอะชิลเดรน ให้สัมภาษณ์จากกรุงพอร์ตวิลลา เมืองหลวงของวานูอาตู ว่า “สภาพของเมืองในเช้าวันนี้เสียหายไม่มีชิ้นดี บ้านเรือนถูกทำลาย ต้นไม้หักโค่น ถนนหลายสายไม่สามารถสัญจรได้ และมีประชาชนออกมาเดินตามท้องถนนเพื่อขอความช่วยเหลือ”
“ระบบสื่อสารใช้การไม่ได้ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ดังนั้น กว่าจะทราบความเสียหายที่ชัดเจนคงต้องใช้เวลาอีกหลายวัน”
โคลเอ มอร์ริสัน อาสาสมัครบรรเทาทุกข์ ระบุว่า เธอพำนักอยู่ในกรุงพอร์ตวิลลาเมื่อคืนที่ผ่านมาด้วยความหวาดกลัว
“เพื่อนร่วมงานของเราแจ้งว่า หลายหมู่บ้านถูกพายุพัดถล่มจนพังราบเมื่อคืน... บ้านเรือนที่ปลูกสร้างง่ายๆ ด้วยใบไม้คงจะลอยละลิ่วเหมือนเศษกระดาษ” เธอให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวเอเอพีของออสเตรเลีย
อลิซ คลีเมนต์ส โฆษกกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ระบุว่า ไซโคลนแพมทำให้ชาววานูอาตูทั้งประเทศตกอยู่ในความหวาดกลัวอย่างที่สุด ตลอด 15-30 นาทีที่มันเคลื่อนตัวผ่านไป
“เราได้รับรายงานว่ามีคนเสียชีวิตที่หมู่เกาะรอบนอกด้วย แต่ต้องรอยืนยันเสียก่อน ซึ่งถ้าเป็นจริงก็น่าเศร้ามาก” เธอให้สัมภาษณ์ต่อสถานีวิทยุ เรดิโอ นิวซีแลนด์
สำนักงาน UNICEF ในนิวซีแลนด์แถลงวันนี้ (14)ว่า ไซโคลนแพมอาจเป็นมหาวาตภัยที่ “ร้ายแรงที่สุด” ลูกหนึ่งในภูมิภาคแปซิฟิก
“แม้อาจจะยังยืนยันไม่ได้ แต่จากรายงานเบื้องต้นพอจะบอกได้ว่า มหาวาตภัยครั้งนี้อาจรุนแรงมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของแปซิฟิก” วิเวียน แมดาบอร์น ผู้อำนวยการ UNICEF นิวซีแลนด์ ระบุในถ้อยแถลง
ไซโคลนแพมเคลื่อนตัวผ่านเกาะหลักของวานูอาตูซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่กว่า 65,000 คน รวมถึงหมู่เกาะทางใต้ซึ่งเป็นบ้านของพลเมืองอีก 33,000 คน
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลียซึ่งจับตาพายุลูกนี้อยู่ แถลงว่า อิทธิพลของไซโคลนแพมส่งผลกระทบต่อวานูอาตูเกือบทั้งประเทศ และพายุได้มีการเปลี่ยนทิศทางในช่วงนาทีสุดท้าย ทำให้เคลื่อนเข้าใกล้กรุงพอร์ตวิลลามากกว่าที่ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ไว้
สภากาชาดอยู่ระหว่างประเมินความต้องการด้านอาหาร ยารักษาโรค และที่พักอาศัยสำหรับผู้ประสบภัยในวานูอาตู ขณะที่องค์กรบรรเทาทุกข์เตรียมนำเครื่องยังชีพไปแจกจ่ายแก่ประชาชนตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (15) ซึ่งคาดว่าสนามบินในกรุงพอร์ตวิลลาจะเปิดให้บริการตามปกติ