รอยเตอร์ – อดีตประธานาธิบดี โมฮาเหม็ด นาชีด แห่งมัลดีฟส์ถูกศาลตัดสินจำคุก 13 ปีวานนี้ (13 มี.ค.) ในความผิดฐานก่อการร้าย จากการที่เขาสั่งจับกุมหัวหน้าผู้พิพากษาคนหนึ่งระหว่างที่ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศเมื่อปี 2012
คำตัดสินล่าสุดของศาลเป็นภาพสะท้อนความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นในแวดวงการเมืองมัลดีฟส์ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เริ่มจากการที่ นาชีด ซึ่งเป็นประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยคนแรกถูกบีบให้สละตำแหน่ง จากนั้นก็แพ้เลือกตั้งแบบฉิวเฉียด ก่อนจะมาถูกตัดสินจำคุก 13 ปีด้วยข้อหาก่อการร้ายที่ศาลเองเพิ่งยก “ยกฟ้อง” ไปเมื่อเดือนที่แล้ว
“หลักฐานที่อัยการเสนอมาพิสูจน์ได้โดยไม่มีข้อสงสัยเลยว่า นาชีด เป็นผู้สั่งการจับกุมหัวหน้าผู้พิพากษาศาลอาญา บังคับลักพาตัว และกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้บนเกาะกีรีฟูชี” ผู้พิพากษา อับดุลลา ดีดี กล่าวในศาลที่กรุงมาเล
คณะผู้พิพากษาทั้ง 3 คนมีคำวินิจฉัยเป็นเอกฉันท์ ขณะที่สำนักงานของประธานาธิบดี อับดุลลา ยามีน ก็ประกาศยืนยันโทษจำคุก 13 ปี พร้อมย้ำว่าไม่ใช่การกลั่นแกล้งทางการเมือง
การก้าวสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีของ นาชีด เมื่อปี 2008 ส่งผลให้ เมามูน อับดุล กายูม ซึ่งปกครองหมู่เกาะสวรรค์กลางมหาสมุทรอินเดียด้วยระบอบกำปั้นเหล็กมานานถึง 30 ปี ต้องสิ้นอำนาจลง
เมามูน ผู้นี้เป็นพี่ชายต่างมารดาของประธานาธิบดี ยามีน
หลังข่าว นาชีด ถูกจับกุมด้วยข้อหาก่อการร้ายอีกครั้งแพร่สะพัดออกไปเมื่อเดือนที่แล้ว ทำให้ชาวมัลดีฟส์หลายพันคนออกมาชุมนุมประท้วงที่ใจกลางกรุงมาเลจนเกิดปะทะกับเจ้าหน้าที่ความมั่นคง
นานาชาติโดยเฉพาะอินเดียและสหรัฐฯ ออกมาแสดงความเป็นห่วงสวัสดิภาพของ นาชีด และการดำเนินคดีเอาผิดเขา โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯแถลงวานนี้ (13)ว่า วอชิงตัน “เป็นกังวลอย่างยิ่ง เมื่อมีรายงานออกมาว่าการไต่สวนคดีนี้ไม่เป็นไปตามหลักกฎหมายของมัลดีฟส์ และขัดต่อพันธะกรณีที่มัลดีฟส์มีต่อประชาคมโลก”
กระแสความตึงเครียดคุโชนขึ้นอีกก่อนที่ศาลจะประกาศคำตัดสิน โดยมีผู้สนับสนุน นาชีด หลายร้อยคนมาปักหลักรอที่หน้าศาลตั้งแต่เมื่อวันศุกร์(13) และชูป้ายกดดันให้รัฐบาลปล่อยตัว นาชีด
ตำรวจได้ควบคุมตัวชายฉกรรจ์ 13 คนไว้ชั่วคราว ขณะที่ฝูงชนซึ่งชุมนุมอยู่ภายนอกศาลถูกขับไล่จนสลายตัวไป หลังจากคำพิพากษาถูกประกาศออกมาแล้ว
นาชีด เรียกร้องให้ประชาชนที่ยังสนับสนุนเขาอยู่ออกมาแสดงพลังต่อต้านคำตัดสิน
“ผมขอเรียกร้องวันนี้ให้พวกท่านจงกล้าหาญและเข้มแข็ง เพื่อเผชิญหน้ากับอำนาจเผด็จการของรัฐบาลชุดนี้ เพื่อเปลี่ยนแปลงและร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่จะนำพาประชาชนไปสู่การพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองที่แท้จริง”
การจับกุมผู้พิพากษาเมื่อปี 2012 กลายเป็นชนวนวิกฤตการเมืองครั้งใหญ่ซึ่ง นาชีด ระบุว่า ตนถูก “ปืนจ่อ” ให้สละเก้าอี้ประธานาธิบดี สอดคล้องกับบรรดาพันธมิตรของเขาที่กล่าวว่า นาชีด ถูก “ปฏิวัติ”
อับดุลลา ยามีน ก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำมัลดีฟส์เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2013 โดยที่การเลือกตั้งรอบ 2 ถูกยกเลิกเมื่อผลนับคะแนนเบื้องต้นบ่งชี้ว่า นาชีด มีคะแนนนำ ต่อมาเมื่อมีการจัดเลือกตั้งรอบ 2 อีกครั้งปรากฏว่า นาชีด เป็นฝ่ายพ่ายแพ้แบบฉิวเฉียด