เอเจนซีส์ - “ฮิลลารี คลินตัน” พยายามพาตัวเองกลับเข้าสู่แคมเปญรณรงค์ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโดยเร็ว ด้วยการออกมาแถลงข่าวในวันอังคาร (10 มี.ค.) ยอมรับว่าควรใช้แอดเดรสอีเมลของรัฐบาลขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ แต่กลับใช้บัญชีส่วนตัว ทั้งนี้ก็เพื่อ “ความสะดวก” เท่านั้น ปรากฏว่ายังคงเป็นคำสารภาพที่สร้างความเดือดดาลทางการเมือง รวมถึงนำมาซึ่งคำถามตามมาแทนที่จะให้ความกระจ่าง แม้กระทั่งพันธมิตรในพรรคเดโมแครตด้วยกันบางคนยังไม่พอใจ
การที่อเมริกาเกิดกระแสพุ่งความสนใจไปที่อีเมลของ ฮิลลารี คลินตัน กำลังกลายเป็นขวากหนามบนหนทางที่เคยถูกคาดหมายกันว่าราบรื่นอย่างยิ่ง สำหรับการเริ่มต้นแคมเปญรณรงค์หาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งปี 2016 ของเธอ ซึ่งเจ้าตัวกำหนดฤกษ์งามยามดีสำหรับการประกาศอย่างเป็นทางการเอาไว้ในเดือนหน้า โดยตลอดทั้งเดือนมีนาคมนี้ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯผู้นี้วางแผนเดินสายโปรโมทเรื่องสิทธิความเสมอภาคของสตรี ซึ่งเป็นประเด็นที่เรียกคะแนนนิยมได้อย่างสูง สำหรับผู้ที่อาจก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ
แต่แทนที่จะเป็นไปตามแผน ปัญหาแอดเดรสอีเมลกลับกลบกิจกรรมทั้งหมดที่คลินตันทำตลอดทั้งสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ออกมาเปิดเผยว่า เธอใช้บัญชีอีเมลส่วนตัวขณะทำงานอยู่ 4 ปีในกระทรวงการต่างประเทศในวาระแรกของประธานาธิบดีบารัค โอบามา แถมยังรับส่งอีเมลทั้งหมดผ่านเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวที่เก็บรักษาไว้ที่บ้านในนิวยอร์ก
แม้พลพรรคเดโมแครตไม่คิดว่า ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงจะให้ความสำคัญกับประเด็นนี้เมื่อถึงกำหนดเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายนปี 2016 แต่การที่คลินตันเงียบกริบ ยกเว้นการทวิตกลางดึกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็ทำให้อดีตเพื่อนสมาชิกในวุฒิสภารบเร้าให้เธอออกมาชี้แจงแถลงไขความจริง
ด้วยเหตุนี้ วันอังคารที่ผ่านมา (10) คลินตันจึงตั้งโต๊ะแถลงข่าวที่สหประชาชาติ หลังจากไปกล่าวปราศรัยเรื่องสิทธิสตรี โดยเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯเปิดเผยอีเมลทั้งหมดของเธอที่เกี่ยวข้องกับงานต่อสาธารณชน แต่ขณะเดียวกัน เธอก็ยอมรับว่า ได้ลบอีเมลส่วนตัวหลายหมื่นฉบับไปแล้ว อีกทั้งปฏิเสธข้อเรียกร้องของพรรครีพับลิกันให้ส่งเซิร์ฟเวอร์อีเมลไปให้ผู้ตรวจสอบอิสระทำการตรวจสอบ โดยเธออ้างว่า เซิร์ฟเวอร์ดังกล่าวมีข้อความสื่อสารระหว่างเธอกับสามีเป็นจำนวนมาก จึงควรเก็บรักษาไว้เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัว
ในการแถลงข่าวครั้งแรกในรอบระยะเวลากว่า 2 ปีคราวนี้ คลินตันยังยืนยันว่า ไม่ได้ทำสิ่งใดที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดกฎหรือนโยบายใดๆ จากการใช้บัญชีอีเมลส่วนตัวส่งอีเมลงานราชการ ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่า เธอละเมิด “แนวทางปฏิบัติที่ระบุอย่างเฉพาะเจาะจงมาก” ของทำเนียบขาวซึ่งระบุว่า เจ้าหน้าที่ควรใช้อีเมลของรัฐบาลในการทำงาน โดยคลินตันเพียงแค่กล่าวในระหว่างแถลงข่าวคราวนี้ว่า เธอเข้าใจแล้วว่า จะเป็นการ “ฉลาดกว่า” หากใช้บัญชีของรัฐบาลสำหรับงานและบัญชีส่วนตัวสำหรับอีเมลส่วนตัว
เธอยังแจกแจงว่า ได้รับส่งอีเมลราว 60,000 ฉบับในช่วง 4 ปีที่ทำงานให้กับคณะบริหารของประธานาธิบดีโอบามา โดยครึ่งหนึ่งเป็นอีเมลที่เกี่ยวข้องกับงาน แต่ยืนยันว่า ไม่มีข้อมูลลับใดๆ ส่งออกจากบัญชีอีเมลส่วนตัวนี้
อย่างไรก็ดี การที่อีเมลเหล่านั้นส่งและรับจากเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัว จึงไม่มีทางตรวจยืนยันคำพูดดังกล่าวได้
สำหรับชาวรีพับลิกันนั้น นี่เป็นโอกาสทองในการสร้างความมัวหมองให้คลินตัน ในจังหวะที่โพลทุกสำนัก ต่างยกให้เธอเป็นตัวเต็งเหนือว่าที่ผู้สมัครทุกคนจากรีพับลิกัน
หลังจากการแถลงข่าวของคลินตันไม่นาน เทรย์ โกว์ดี สมาชิกพรรครีพับลิกันซึ่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการเฉพาะกิจของสภาผู้แทนราษฎร ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบเหตุโจมตีสถานกงสุลอเมริกันในเมืองเบงกาซี ประเทศลิเบีย เมื่อปี 2012 จนเป็นเหตุให้ตัวเอกอัครราชทูตสหรัฐฯซึ่งไปอยู่ที่นั่นพอดีเสียชีวิต ได้ให้สัมภาษณ์ว่า คลินตันทิ้งทุ่นให้สงสัยต่อมากกว่าตอบคำถาม และเสริมว่า จะเชิญเธอไปให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการอย่างน้อย 2 ครั้ง โดยครั้งหนึ่งนั้นเพื่อให้ชี้แจงประเด็นการใช้อีเมลส่วนตัว และครั้งที่สองเพื่อตอบคำถามเกี่ยวกับการโจมตีในเบงกาซีที่นอกจากเอกอัครราชทูต แล้วยังมีเจ้าหน้าที่อเมริกัน 4 คนเสียชีวิต
รีพับลิกันยังจี้ให้คลินตันอธิบายคำชี้แจงที่ว่า เธอใช้อีเมลส่วนตัวเพื่อ “ความสะดวก” กล่าวคือ จะได้ไม่ต้องพกพาอุปกรณ์สื่อสารหลายเครื่องเพื่อแยกใช้ระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว โดยอ้างอิงคำสัมภาษณ์ของเธอเองระหว่างเยี่ยมซิลลิคอน แวลลีย์เมื่อเดือนที่แล้วว่า เธอมีทั้งไอแพ็ด มินิไอแพ็ด ไอโฟน และแบล็กเบอร์รี่
ทางด้านสมาชิกเดโมแครตหลายคนเห็นดีด้วยที่คลินตันออกมาชี้แจงประเด็นที่เป็นปัญหา แต่บางคนบอกว่า คำชี้แจงดังกล่าวกลับนำไปสู่คำถามอีกมากมายตามมา
และแม้พรรคเดโมแครตเตรียมพร้อมว่า อาจต้องเผชิญหน้ากับรีพับลิกันอีกยาวเกี่ยวกับประเด็นนี้ ตัวคลินตันเองกลับไม่คิดว่า แอดเดรสอีเมลจะมีผลต่อแคมเปญเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยแสดงความมั่นใจว่า คนอเมริกันสามารถแยกแยะระหว่างเรื่องการเมืองกับเรื่องที่เป็นผลประโยชน์สาธารณะจริงๆ