รอยเตอร์ – สหรัฐฯ ประกาศให้เวเนซุเอลาเป็นภัยคุกคามความมั่นคงระดับชาติ และสั่งคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่รัฐบาลการากัสรวมทั้งสิ้น 7 คน เมื่อวานนี้ (9 มี.ค.) บ่งบอกซึ่งความสัมพันธ์ทางการทูตที่เลวร้ายลงถึงขีดสุด นับตั้งแต่ประธานาธิบดีหัวซ้ายจัด นิโคลัส มาดูโร ก้าวขึ้นมาบริหารประเทศเมื่อปี 2013
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระบุว่า คำสั่งคว่ำบาตรซึ่งออกโดยการใช้อำนาจบริหารของประธานาธิบดี บารัค โอบามา ไม่ได้มุ่งโจมตีอุตสาหกรรมน้ำมันหรือเศรษฐกิจในองค์รวมของเวเนซุเอลา แต่ถึงกระนั้นก็ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันและการากัสย่ำแย่เป็นประวัติการณ์ สวนทางกับคิวบาที่มีแนวโน้มจะหันมาญาติดีกับอเมริกาทั้งที่เคยเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาหลายสิบปี
มาดูโร ออกมาประณามท่าทีของสหรัฐฯ อย่างโกรธเกรี้ยว พร้อมกล่าวหาว่าวอชิงตันพยายามล้มล้างรัฐบาลของเขา
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า การประกาศให้ประเทศหนึ่งประเทศใดเป็นภัยคุกคามระดับชาตินั้น ถือเป็นขั้นตอนแรกที่จะนำไปสู่มาตรการคว่ำบาตร ซึ่งกระบวนการนี้เคยถูกใช้มาแล้วกับประเทศที่เป็นปรปักษ์กับอเมริกา เช่น อิหร่าน และซีเรีย
ทำเนียบขาวแถลงว่า สหรัฐฯ มุ่งคว่ำบาตรบุคคลที่มีพฤติกรรมบั่นทอนกระบวนการหรือสถาบันทางประชาธิปไตย ก่อความรุนแรง ล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชน ขัดขวางหรือลงโทษผู้ที่ใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น หรือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่พัวพันการทุจริตคอรัปชัน
“สหรัฐฯ จะไม่ต้อนรับเจ้าหน้าที่รัฐบาลเวเนซุเอลาทั้งในอดีตหรือปัจจุบันที่เคยล่วงละเมิดสิทธิพลเมือง หรือมีส่วนในการทุจริตประพฤติมิชอบต่อสาธารณชน เวลานี้เรามีกลไกที่จะสามารถอายัดทรัพย์สิน และปิดกั้นไม่ให้พวกเขาใช้ระบบธุรกรรมการเงินของสหรัฐฯ ได้” จอช เออร์เนสต์ โฆษกทำเนียบขาว ระบุในถ้อยแถลง
เวเนซุเอลาได้เรียกอุปทูตประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. กลับมาหารือทันที ขณะที่ มาดูโร เตือน โอบามา ว่ากำลังทำ “ผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง” และ “แสดงความก้าวร้าวเหมือนพวกล่าอาณานิคม” ไม่ต่างอะไรกับผู้นำสหรัฐฯ คนก่อนๆ อย่าง ริชาร์ด นิกสัน และ จอร์จ ดับเบิลยู บุช
สหรัฐฯ และเวเนซุเอลาไม่มีการแลกเปลี่ยนคณะทูตผู้มีอำนาจเต็มมาตั้งแต่ปี 2008 หลังจากอดีตประธานาธิบดี อูโก ชาเบซ ได้ขับไล่ แพทริก ดัดดี ทูตสหรัฐฯในเวลานั้นกลับประเทศ ซึ่งวอชิงตันก็ตอบโต้ด้วยการขับไล่ทูต เบอร์นาโด อัลวาเรซ ของเวเนซุเอลาเช่นกัน
เจ้าหน้าที่เวเนซุเอลาที่อยู่ในลิสต์คว่ำบาตรของสหรัฐฯ ได้แก่ กุสตาโว กอนซาเลซ หัวหน้าสำนักงานข่าวกรอง SEBIN, มานูเอล เปเรซ ผู้อำนวยการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ จุสโต โนเกวโร อดีตผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชาติ ซึ่งปัจจุบันถูกส่งไปบริหารรัฐวิสาหกิจเหมือง CVG นอกนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร และอัยการ
บุคคลเหล่านี้จะถูกอายัดทรัพย์สินและผลประโยชน์ในสหรัฐฯ และไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าแผ่นดินอเมริกา นอกจากนี้ยังไม่สามารถทำธุรกิจกับพลเมืองหรือผู้พำนักถาวรในสหรัฐฯ ได้ด้วย
ทำเนียบขาวเรียกร้องให้เวเนซุเอลาปล่อยตัวนักโทษการเมือง โดยเฉพาะ “นักศึกษาหลายสิบคนที่ถูกคุมขัง” และยังเตือนให้การากัสหยุดกล่าวหาอเมริกาว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาในประเทศ
“เราสังเกตเห็นหลายครั้งที่รัฐบาลเวเนซุเอลาพยายามปัดความรับผิดชอบ และตำหนิสหรัฐฯ หรือสมาชิกประชาคมโลกว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาภายในเวเนซุเอลา... ท่าทีเช่นนี้สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลขาดความจริงใจที่จะแก้ไขวิกฤตการณ์ที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่” เออร์เนสต์ กล่าว