เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซียกล่าวหาบริษัทเครื่องดื่มโคคาโคลา และร้านฟาสต์ฟูด แมคโดนัลด์ ว่าทุ่มงบโฆษณาหลอกล่อให้ชาวแดนหมีขาวบริโภคอาหารขยะที่บั่นทอนสุขภาพ ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการ “ทำสงคราม” โจมตีพลเมืองรัสเซีย
ผู้ช่วยของนายกรัฐมนตรี ดมิตรี เมดเวเดฟ แห่งรัสเซีย กล่าวตำหนิสองบริษัทอาหารยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ ว่าทำให้พลเมืองรัสเซียเสพติดอาหารและเครื่องดื่มที่มีแคลอรีสูง ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์โจมตีทางอ้อมเพื่อแก้เผ็ดสหรัฐฯ จากกรณีปัญหายูเครน
“พวกเขาใช้การตลาดที่ก้าวร้าวเพื่อขายผลิตภัณฑ์อาหารที่ไม่สอดคล้องกับวัฒนธรรมการกินของเราแม้แต่น้อย... ทำเช่นนี้ก็เหมือนเปิดสงครามกับชาวรัสเซียดีๆ นี่เอง” เกนนาดี โอนิชเชนโก ให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีวิทยุ Russkaya Sluzhba Novostei
โอนิชเชนโกซึ่งเป็นอดีตผู้ตรวจสอบอนามัยของรัสเซีย เคยสั่งแบนอาหารนำเข้าจากประเทศที่เป็นศัตรูการเมืองของมอสโก โดยยกปัญหาด้านสุขอนามัยมาเป็นข้ออ้าง และเมื่อปีที่แล้วเขาถึงกับพูดว่า โคคา-โคลา และเป๊ปซี่ เป็น “อาวุธเคมี” อย่างหนึ่ง ซึ่งตนรู้สึกเสียดายที่เครื่องดื่มเหล่านี้ไม่ได้ติดโผสินค้าที่ห้ามนำเข้ามายังรัสเซีย
“เยาวชนของเราดื่ม โคคา-โคลา มากกว่านมเสียอีก และถ้าพูดถึงแมคโดนัลด์ พวกเขาควรจะเปลี่ยนเมนูอาหารเสียใหม่เป็นของที่มีคุณค่าทางโภชนาการสำหรับผู้บริโภคในรัสเซีย ไม่ใช่ของกินเล่นที่หยิบเข้าปากง่ายๆ เท่านั้น” เขากล่าวเสริม
เมื่อวันพฤหัสบดี (5) อเล็กเซย์ พุชคอฟ หัวหน้าคณะกรรมการกิจการต่างประเทศของสภาดูมา ก็ได้กล่าวท้าทายให้แมคโดนัลด์และ โคคา-โคลา ถอนกิจการออกไปเสีย
“แมคโดนัลด์ กับ โคคา-โคลา ไม่อยากสนับสนุนนโยบายคว่ำบาตรของประธานาธิบดี บารัค โอบามา และปิดกั้นสินค้าของพวกเขาไม่ให้เราบริโภคหรอกหรือ... (ถ้าพวกเขาถอนกิจการ) ก็จะได้ปฏิบัติตามจุดยืนของสหรัฐฯ และประชาชนของเราก็จะสุขภาพดีขึ้นด้วย”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แมคโดนัลด์ตกเป็นเป้าหมายโจมตีของรัฐบาลมอสโก
เมื่อปีที่แล้ว รัสเซียได้ส่งทีมลงพื้นที่ตรวจสอบสุขอนามัยภายในร้านแมคโดนัลด์มากกว่า 100 สาขา จนเป็นเหตุให้บางสาขาถูกสั่งปิดชั่วคราว รวมถึงสาขาจัตุรัสพุชกินซึ่งเป็นสาขาแรกที่เปิดตัวตั้งแต่สหภาพโซเวียตยังไม่ล่มสลาย
รัสเซียปฏิเสธคำครหาที่ว่า การไล่บี้แมคโดนัลด์ซึ่งเป็นตัวแทนวัฒนธรรมการกินของชาวอเมริกันเป็นเรื่องการเมือง