เอเอฟพี – ศาลอินเดียมีคำสั่งห้ามไม่ให้สถานีโทรทัศน์ทุกเจ้าของประเทศออกอากาศภาพยนตร์สารคดีที่มีหนึ่งในกลุ่มชายที่รุมโทรมและฆาตกรรมนักศึกษาสาวในกรุงนิวเดลี ออกมาให้สัมภาษณ์โยนความผิดให้ผู้เป็นเหยื่อ ตำรวจแถลงวันนี้ (4)
ราจัน บากัต โฆษกตำรวจกล่าวว่า เมื่อค่ำวานนี้ (3) ตำรวจกรุงนิวเดลีได้รับคำสั่งศาลที่ห้ามไม่ให้ผู้ใดก็ตามออกอากาศภาพยนตร์สารคดีเรื่อง “India's Daughter” เนื่องจากมี “เนื้อหาที่น่ารังเกียจ”
“หลังจากที่เราได้ชมตัวอย่างเพียงบางส่วนของภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ เราก็ตัดสินใจนำเรื่องนี้ขึ้นสู่ศาล เนื่องจากเรารู้สึกว่า มันอาจทำให้เกิดความหวาดวิตกในความไม่เป็นระเบียบของสังคม” บากัต บอกกับเอเอฟพี
“ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้มีส่วนของการสัมภาษณ์นักโทษคดีข่มขืนที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง”
มูเคช ซิงห์ หนึ่งในห้าผู้ต้องโทษคดีข่มขืนในกรุงนิวเดลีเมื่อปี 2012 บอกกับ เลสลี อัดวิน ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอังกฤษว่า นักศึกษาสาวผู้เป็นเหยื่อไม่ควรออกมาในช่วงกลางค่ำกลางคืน และกล่าวโทษว่าเป็นความผิดของเธอเองที่ต่อสู้ขัดขืน
อัดวิน ผู้กำกับมือรางวัลชาวเมืองผู้ดี กล่าวว่า เธอรู้สึกใจสลายกับการสั่งห้ามออกอากาศภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ ซึ่งมีส่วนหนึ่งที่ ซิงห์ ให้สัมภาษณ์ว่า นักศึกษาสาวผู้เป็นเหยื่อไม่ควร “เตร็ดเตร่ออกไปไหนในเวลา 3 ทุ่ม” และระบุว่า “หญิงสาวมีส่วนต้องรับผิดชอบกับการข่มขืนมากกว่าผู้ชายหลายเท่า”
อัดวิน บอกกับเอเอฟพีทางโทรศัพท์ว่า “คำสั่งศาลทำฉันใจสลาย” และเสริมว่า “ยิ่งพวกเขาพยายามปิดกั้นภาพยนตร์เรื่องนี้มากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งดึงดูดความสนใจของคนมากเท่านั้น ตอนนี้ทุกคนต่างกำลังอยากดูหนังเรื่องนี้”
“India's Daughter” มีกำหนดออกฉายทางโทรทัศน์ใน 7 ประเทศในวันอาทิตย์ (8) ซึ่งเป็นวันสตรีสากล โดยในกลุ่มประเทศดังกล่าวมีอินเดียและอังกฤษรวมอยู่ด้วย
ก่อนหน้านี้ ยูดวิน ระบุว่า เธอได้รับอนุญาตจากทั้งทางเจ้าหน้าที่เรือนจำและกระทรวงมหาดไทยให้เข้าไปภายในเรือนจำทิฮาร์เพื่อทำการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับผลพวงจากเหตุรุมโทรมอันโด่งดังครั้งดังกล่าว
นักศึกษาสาวกายภาพบำบัดวัย 23 ปีรายนี้ ซึ่งไม่อาจเผยชื่อได้ เสียชีวิตจากอาการบาเจ็บ 13 วันหลังจากที่เธอถูกทำร้ายทารุณอย่างป่าเถื่อนบนรถบัสที่กำลังวิ่งกลับจากโรงภาพยนตร์ไปยังบ้านของเธอพร้อมกับเพื่อนชายหนึ่งคน เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ปี 2012
เหตุสะเทือนขวัญดังกล่าวได้สร้างความเดือดดาลไปทั่วโลกและจุดชนวนให้เกิดการประท้วงใหญ่ในแดนภารตะ พร้อมตอกย้ำให้เห็นถึงความรุนแรงในระดับที่น่ากลัวต่อสตรีในประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของโลกแห่งนี้
เหตุการณ์ดังกล่าวยังนำไปสู่การปฏิรูปกฎหมายข่มขืนของอินเดียขนานใหญ่ ด้วยการเร่งระยะเวลาพิจารณาคดีและเพิ่มโทษให้หนักหน่วงขึ้น