รอยเตอร์ - รี ซู ยอง รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือ คุยโวเมื่อวันอังคาร (3 มี.ค.) ว่าประเทศของเขามีอำนาจที่จะป้องกันภัยคุกคามนิวเคลียร์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนจากสหรัฐฯ พร้อมขู่พร้อมชิงลงมือโจมตีก่อนหากจำเป็น
การกล่าวสุนทรพจน์นานๆครั้งของรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือรายนี้ ณ ที่ประชุมที่ประชุมลดกำลังอาวุธของสหปะชาชาติ ได้เรียกตอบโต้จาก โรเบิร์ต วู้ด ผู้แทนทูตของสหรัฐฯ ที่เรียกร้องเปียงยาง หยุดข่มขู่และยอมละทิ้งอาวุธนิวเคลียร์
นายรีบอกว่า การซ้อมรบร่วมระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ คือการยั่วยุ โดยเฉพาะมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่ามันจะจุดชนวนสงคราม “สาธารณรัฐประชาชนเกาหลีเหนือ จำเป็นต้องเพิ่มแสนยานุภาพในการสกัดนิวเคลียร์ เพื่อจัดการกับภัยคุกคามทางนิวเคลียร์จากสหรัฐฯ ที่อยู่ในระดับสูงสุดเท่าที่เคยมีมา ตอนนี้เกาหลีเหนือมีอำนาจที่จะป้องกันภัยจากสหรัฐฯ และพร้อมชิงลงมือโจมตีก่อนเช่นกัน หากจำเป็น” รัฐมนตรีต่างประเทศโสมแดงบอกกับที่ประชุมในเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้เผยในวันอังคาร (3 มี.ค.) ว่าเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ 2 ลูก นอกชายฝั่งตะวันออกของประเทศเมื่อวันจันทร์ (2 มี.ค.) ความเคลื่อนไหวที่ถูกมองว่าเป็นการตอบโต้การซ้อมรบร่วมประจำปีระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีใต้ ซึ่งทุกปีเปียงยางก็จะออกมาประณามการซ้อมรบดังกล่าว เนื่องจากมองว่ามันเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อทำสงคราม
กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ระบุว่าขีปนาวุธทั้ง 2 ลูกตกในทะเลระหว่างคาบสมุทรเกาหลีกับทางภาคใต้ของญี่ปุ่นในตอนเช้าวันจันทร์ (2 มี.ค.) หลังจากถูกยิงมาไกลราวๆ 490 กิโลเมตร
อย่างไรก็ตาม นายรีไม่ได้พาดพิงถึงการทดสอบขีปนาวุธของชาติตนเอง แต่บอกว่าความแตกแยกในคาบสมุทรเกาหลี ก้ำกึ่งจะเป็นการสู้รบทางนิวเคลียร์
ด้าน วู้ด บอกกับที่ประชุมว่าการซ้อมรบระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีใต้ ซึ่งจัดขึ้นมานานเกือบ 40 ปี โปร่งใสและมีเป้าหมายป้องกันตนเอง รวมถึงสอดคล้องโดยสมบูรณ์กับข้อตกลงสงบศึกของสงครามเกาหลีปี 1950-53
“เราเรียกร้องเกาหลีเหนือเลิกข่มขู่ใดๆในทันที ลดความตึงเครียดและใช้มาตรการต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับเดินหน้าสู่การปลดอาวุธนิวเคลียร์ซึ่งจำเป็นต่อการคืนสู่โต๊ะเจรจาที่น่าเชื่อถือ” นายวู้ดกล่าวโดยอ้างถึงโต๊ะเจรจา 6 ฝ่ายที่พังครืนลงไปในปี 2008 “ขอผมพูดอย่างชัดเจน เราไม่ยอมรับเกาหลีเหนือในฐานะรัฐติดอาวุธนิวเคลียร์ และเราจะดำเนินการที่จำเป็นเพื่อปกป้องตนเองและพันธมิตร”