เอพี - ศาลฮ่องกงวันนี้ (27 ก.พ.) พิพากษาจำคุกคุณแม่ลูกสอง 6 ปี ฐานทารุณกรรมแม่บ้านชาวอินโดนีเซีย ในคดีที่สื่อทั่วโลกจับตามอง ทั้งยังสร้างความแค้นเคืองอย่างกว้างขวาง
หลอ วันตุง ถูกพิพากษาจำคุก ภายหลังเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ศาลฮ่องกงตัดสินเอาผิดเธอฐานทำร้ายร่างกาย ทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัสโดยเจตนา และข่มขู่ เออร์เวียนา สุลิสเตียนิงซิห์ แม่บ้านวัย 24 ปี รวม 8 ข้อหา ในคดีที่สะท้อนให้เห็นถึงชะตากรรมอันโหดร้ายของแม่บ้านชาวต่างชาติทั่วทวีปเอเชีย และภูมิภาคตะวันออกกลาง
หลอ หญิงชาวฮ่องกงวัย 45 ปีไม่ได้แสดงกิริยาอาการใดๆ ขณะผู้พิพากษาศาลแขวง อแมนดา วูดค็อก ประกาศคำตัดสิน โดยชี้ว่าโทษจำคุก 6 ปีที่จำเลยได้รับนั้นเหมาะสมกับความร้ายแรงของข้อหา และลักษณะความผิดที่จำเลยก่อ
นอกจากนี้ ผู้พิพากษายังสั่งปรับหลอ เป็นเงิน 15,000 ดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 62,000 บาท) จากความผิดฐานไม่จ่ายค่าจ้าง และไม่อนุญาตให้ลูกจ้างลาหยุดงานรวม 10 ข้อหา ก่อนหน้านี้ หลอได้ให้การรับสารภาพว่า ไม่ได้ทำประกันให้ลูกจ้าง
ทั้งนี้ คดีของสุลิสเตียนิงซิห์เปิดเผยออกมา เมื่อชาวอินโดนีเซียที่ทำงานอยู่ในฮ่องกงพากันแชร์ภาพถ่ายบาดแผลฉกรรจ์ของเธอ ที่เผยให้เห็นใบหน้า มือ และขาอันเต็มไปด้วยสะเก็ด และบาดแผลฉีกขาด รวมทั้งร่องรอยเขียวช้ำ และแผลถลอกปอกเปิกที่เท้าทั้งสองข้างของเธอ
“ฉันมีความสุขมาก เพราะในที่สุดเจ้านายของฉันก็ติดคุก แม้ว่าเธอจะติดแค่ 6 ปีก็เถอะ แต่ในที่สุดฉันก็ได้รับความยุติธรรมแล้ว” สุลิสเตียนิงซิห์กล่าวกับผู้สื่อข่าวผ่านล่ามขณะออกมาข้างนอกศาล
เป็นเวลาราว 8 เดือนแล้วที่สุลิสเตียนิงซิห์ ทำงานให้กับหลอ ผู้มีลูกสองคนอยู่ในวัยรุ่น ภายหลังที่หญิงฮ่องกงผู้นี้รับเธอเข้าทำงานเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2013
แม่บ้านชาวต่างชาติในฮ่องกงทั้งสิ้น 330,000 คนมากถึงราวครึ่งหนึ่งเป็นชาวอินโดนีเซีย โดยเกือบทั้งหมดเป็นผู้หญิง และได้รับค่าแรงขั้นต่ำประมาณ 500 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 16,000 บาท) ต่อเดือน
สุลิสเตียนิงซิห์ให้การต่อศาลว่า เธอฟันหัก มีร่องรอยถูกขีดข่วนทั่วร่างกาย และถูกทุบตีที่ศีรษะด้วยน้ำมือของหลอ นายจ้างที่เป็นคนเอาท่อดูดฝุ่นโลหะยัดใส่ปากเธอ จนปากแตก นอกจากนี้ยังมีครั้งหนึ่งที่ สุลิสเตียนิงซิห์ถูกหลอบังคับให้ยืนแก้ผ้าในห้องน้ำตอนหน้าหนาว แล้วสาดน้ำใส่เธอ ก่อนจะเปิดพัดลมจ่อใส่ลูกจ้างตัวเอง
วูดค็อกกล่าวว่า เห็นได้ชัดว่า “หลอไม่ได้มีความเห็นอกเห็นใจลูกจ้างตนเองสักนิด และเธอมีพฤติการณ์ดูหมิ่นดูแคลนผู้ที่เธอเห็นว่าต้อยต่ำกว่าตัวเอง”
สุลิสเตียนิงซิห์ แทบจะไม่ได้พักผ่อนหรือกินข้าว จนกระทั่งวันหนึ่งเธอเกิดเป็นลมล้มพับอยู่หน้าบ้านเพื่อนบ้านตอนตี 2 ขณะตั้งใจจะเดินไปขออาหาร
เมื่ออาการบาดเจ็บของเธอเริ่มทรุดหนักลงจนทำงานไม่ได้ หลอก็พยายามส่งเธอกลับบ้านที่อินโดนีเซีย โดยให้เงินติดกระเป๋าไปเพียงแค่ 70 ดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 290 บาท) เท่านั้น โดยหลอพาสุลิสเตียนิงซิห์ไปส่งที่สนามบิน แล้วใช้เครื่องสำอางปกปิดร่องรอยบาดแผลของเธอ บังคับให้เธอสวมผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ทั้งยังขู่จะทำร้ายครอบครัวของเธอ เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกจ้างแจ้งความจับตนเอง
ชะตากรรมของสุลิสเตียนิงซิห์ได้รับการเปิดเผย เมื่อเพื่อนชาวอินโดนีเซียคนหนึ่งบังเอิญผ่านมาพบเธอที่สนามบิน
ผู้พิพากษาอแมนดา ได้กล่าวประณามกฎหมายของรัฐบาลฮ่องกงที่กำหนดให้แม่บ้านต้องอาศัยอยู่กับนายจ้าง ซึ่งเธอชี้ว่า เป็นปัจจัยที่มีส่วนทำให้ลูกจ้างเสี่ยงถูกกระทำทารุณมากขึ้น จนกลายเป็นคดีฟ้องร้องกันบ่อยครั้ง โดยเธอได้เรียกร้องให้รัฐบาลฮ่องกง และอินโดนีเซียสืบสวน แนวการปฏิบัติของบริษัทจัดหางานที่มักเรียกเก็บค่าใช้จ่ายสูงๆ จากชาวต่างชาติซึ่งต้องการหางานทำในต่างแดน จนบ่อยครั้งทำให้พวกเขาต้องทำงานใช้หนี้ก้อนโต