เอเอฟพี - ศาลเกาหลีใต้มีคำพิพากษาจำคุก 1 ปีบุตรสาวประธานสายการบินโคเรียนแอร์ ซึ่งก่อเหตุไล่หัวหน้าสจวร์ตลงจากเครื่องบินจนกลายเป็นคดี “ถั่ววีนแตก” ที่อื้อฉาวไปทั่วโลก และนำมาซึ่งกระแสวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของพวกเศรษฐีที่ผูกขาดธุรกิจในแดนโสมขาว
ก่อนหน้านี้ คณะอัยการได้ร้องขอให้ศาลลงโทษจำคุก 3 ปีต่อ โช ฮยุน-อา หรือ “ฮีทเธอร์ โช” อดีตรองประธานสายการบินแห่งชาติเกาหลีใต้ ซึ่งถูกตั้งข้อหาละเมิดกฎความปลอดภัยการบิน ขัดขวางกระบวนการยุติธรรม และทำร้ายร่างกายพนักงานต้อนรับ
คดีความทั้งหมดมีสาเหตุมาจากการที่ซีอีโอหญิงวัย 40 ปี ไม่พอใจที่พนักงานต้อนรับรายหนึ่งนำถั่วแมคคาเดเมียมาเสิร์ฟให้เธอทั้งถุง แทนที่จะเทใส่ถ้วยตามระเบียบปฏิบัติที่ถูกต้อง
ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว โช จึงใช้อำนาจผู้บริหารขับไล่หัวหน้าสจ๊วร์ตลงจากเครื่องบินซึ่งกำลังจะเทค-ออฟออกจากสนามบินนานาชาติ จอห์น เอฟ. เคนเนดี เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ส่งผลให้กัปตันต้องนำเครื่องวกกลับไปจอดใหม่ และทำให้เที่ยวบินนี้ถึงกรุงโซลล่าช้ากว่ากำหนด
โอห์ ซุง-วู ผู้พิพากษาศาลแขวงกรุงโซล ชี้ว่า การกระทำของโชเข้าข่ายก่อกวนการเดินทางของเครื่องบินโดยสาร เพราะในทางกฎหมายถือว่าเครื่องบิน “อยู่ระหว่างเดินทาง” นับตั้งแต่เริ่มเคลื่อนตัวออกจากอาคารเทียบ และ โช ได้ทำราวกับว่ามันเป็น “เครื่องบินส่วนตัว” ของเธอเอง
“วิธีการเสิร์ฟถั่วไม่น่าจะเป็นความผิดมากมายถึงขั้นนั้น” โอห์ กล่าว
ผู้พิพากษายังระบุว่า โช ไม่ได้แสดงอาการสำนึกผิดเท่าที่ควร แม้เธอจะเคยยื่นหนังสือต่อศาลเพื่อขออภัยในพฤติกรรมของตนเองก็ตาม
อดีตซีอีโอหญิงโคเรียนแอร์ซึ่งถูกจับกุมและส่งเข้าเรือนจำเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม ถูกนำตัวมาที่ศาลแขวงกรุงโซลในชุดนักโทษสีเขียว และยืนรับฟังคำพิพากษาด้วยอาการสงบนิ่ง
โช ถูกตั้งข้อหาทำร้ายร่างกาย พัค ชาง-จิน หัวหน้าสจวร์ต โดยการบังคับให้อีกฝ่ายคุกเข่าขออภัย และใช้หนังสือคู่มือบริการทุบใส่เขาหลายครั้ง
เหตุการณ์ซึ่งทั่วโลกให้ฉายาว่า “ถั่ววีนแตก” (nut rage) ทำให้ชาวแดนกิมจิยิ่งรู้สึกโกรธแค้นพวกเศรษฐีที่เป็นเจ้าของบริษัทผูกขาดขนาดใหญ่ หรือที่เรียกว่า “แชโบล” ซึ่งนอกจากจะมีอิทธิพลครอบงำเศรษฐกิจแล้วยังทำให้เกิดช่องว่างรายได้ในสังคมเกาหลีใต้ด้วย
ในอดีตเจ้าของแชโบลเหล่านี้มักทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย หากกระทำผิดฐานฉ้อโกงก็มักจะได้รับโทษสถานเบา หรือติดคุกเพียงไม่กี่ปีก็ได้รับการอภัยโทษ
โช แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากทุกตำแหน่งในสายการบินแห่งชาติ และออกมากล่าวขอโทษสังคมต่อความผิดที่เธอทำ ซึ่งแม้แต่ประธาน โช ยัง-โฮ ผู้เป็นบิดาก็ยังประณามว่าเป็น “พฤติกรรมโง่ๆ”