เอเอฟพี – ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ เตือนวานนี้ (26 ก.พ.)ว่า กลุ่มแบ่งแยกดินแดนยูเครนอาจมีแผนเผด็จศึกเมืองท่ายุทธศาสตร์มารีอูโพล (Mariupol) ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งหากทำสำเร็จก็จะเกิดพื้นที่ฉนวนเชื่อมต่อดินแดนของฝ่ายกบฏกับคาบสมุทรไครเมียอย่างที่รัสเซียปรารถนา
เจมส์ แคลปเปอร์ ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ชี้ว่า ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียไม่ได้หวังครอบครองยูเครนทั้งประเทศ แต่ต้องการได้ดินแดนทางบกเพื่อเชื่อมต่อกับแหลมไครเมียที่มอสโกผนวกเอาไว้เมื่อ 1 ปีที่แล้ว
“เราไม่ได้ประเมินว่า ปูติน ต้องการยึดหรือพิชิตดินแดนทั้งหมดของยูเครน” แคลปเปอร์ แถลงต่อคณะกรรมการด้านกิจการกองทัพแห่งวุฒิสภาสหรัฐฯ
“เขาเพียงต้องการ 2 ภูมิภาคใหญ่ๆ ในภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งมีเส้นทางบกเชื่อมต่อถึงแหลมไครเมีย และอาจจะรวมถึงเมืองท่าอย่างมารีอูโพลด้วย”
“การโจมตีมารีอูโพลยังไม่น่าจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ ผมเชื่อว่าพวกเขาคงจะรอจนถึงฤดูใบไม้ผลิ จึงจะตัดสินใจบุก”
นับตั้งแต่ข้อตกลงหยุดยิงกรุงมินสก์เริ่มบังคับใช้เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ฝ่ายกบฏก็ได้ยึดศูนย์กลางเชื่อมต่อรถไฟอย่างเมืองเดบอลต์เซเว (Debaltseve) และมีกระแสข่าวว่ากำลังเคลื่อนพลไปปิดล้อมรอบๆ มารีอูโพล ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญริมทะเลอาซอฟ
แคลปเปอร์ ระบุว่า ตนเห็นด้วยหากสหรัฐฯ จะส่งอาวุธไปสนับสนุนกองกำลังยูเครน แต่ก็เป็นเพียง “ความคิดเห็นส่วนตัว” ไม่ได้กล่าวในนามของสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ
ประธานาธิบดี บารัค โอบามา อยู่ระหว่างพิจารณาผลที่จะติดตามมาจากการส่งอาวุธช่วยยูเครน และยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรลงไป ขณะที่ชาติพันธมิตรในยุโรปเตือนว่า หากสหรัฐฯทำเช่นนั้นจะยิ่งกระตุ้นความขัดแย้งให้ลุกลามบานปลาย และไม่ทำให้รัสเซียละเลิกความพยายามที่จะรุกรานดินแดนของยูเครน
หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ เชื่อว่า การติดอาวุธให้กรุงเคียฟ “จะยิ่งทำให้ ปูติน และฝ่ายรัสเซียหันมาตอบโต้” และมอสโกอาจจะส่งอาวุธที่ทันสมัยเข้าไปหนุนหลังกบฏมากขึ้นอีก
ด้าน พล.ท. วินเซนต์ สจวร์ต หัวหน้าหน่วยข่าวกรองทางทหาร ปฏิเสธที่จะแสดงจุดยืนในเรื่องนี้ แต่ระบุว่าสำนักงานข่าวกรองกลาโหมพิจารณาเห็นว่า สหรัฐฯ ไม่สามารถส่งอาวุธเข้าไปได้เร็วพอที่จะรับมือกบฏโปรรัสเซีย และการทำเช่นนั้นก็ “ไม่ช่วยเปลี่ยนแปลงสมดุลอำนาจทางทหาร” ในพื้นที่สู้รบ
รัสเซียปฏิเสธมาโดยตลอดว่าไม่เคยให้ความช่วยเหลือทางทหารต่อฝ่ายกบฏ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ต้องการให้ยูเครนหันไปรวมกลุ่มกับสหภาพยุโรปหรือนาโต
สจวร์ต เตือนว่า มอสโก “พร้อมที่จะฉวยโอกาสตอบโต้ทุกเมื่อ หากเราส่งอาวุธหรือแสดงท่าทีใดๆ ที่จะเป็นการพลิกสมดุล”