รอยเตอร์ – ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือกำลังก่อความกังวลอย่างยิ่งยวดต่อรัฐบาลสหรัฐฯ หลังจากสถาบันวิจัยของอเมริกาออกมาทำนายว่า เปียงยางอาจผลิตอาวุธนิวเคลียร์ได้มากถึง “100 ลูก” ภายในระยะเวลา 5 ปี เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯ เผยวานนี้ (24 ก.พ.)
ซุง คิม ผู้แทนพิเศษสหรัฐฯ ด้านนโยบายเกาหลีเหนือ กล่าวในเวทีเสวนาที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ว่า ตนยังไม่สามารถให้ความเห็นเกี่ยวกับบทวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันสหรัฐฯ-เกาหลี มหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ เนื่องจากยังไม่ได้เห็นตัวรายงาน และการประเมินของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ถือเป็นความลับ
“แต่แน่นอนว่า เรารู้สึกกังวลอย่างยิ่งที่เกาหลีเหนือไม่หยุดพัฒนาขีดความสามารถด้านนิวเคลียร์ เราทราบดีว่าโครงการนิวเคลียร์ของพวกเขายังคงเดินหน้าไปอย่างต่อเนื่อง” คิม กล่าว
นักวิจัยจากสถาบันสหรัฐฯ-เกาหลีเชื่อว่าโสมแดงน่าจะมีอาวุธนิวเคลียร์อยู่เพียงราวๆ 10-16 ลูกในปัจจุบัน แต่ได้ประเมินอนาคตของคลังอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือเอาไว้ 3 แนวทาง
แนวทางแรก หากเทคโนโลยีของโสมแดงก้าวหน้าไปเพียงเล็กน้อย พวกเขาจะครอบครองระเบิดนิวเคลียร์ได้ราวๆ 20 ลูกภายในปี 2020 แต่หากก้าวหน้าไปมากกว่านั้น ปริมาณอาจจะเพิ่มเป็น 50 ลูก และอาจจะถึงขั้นสามารถย่อส่วนระเบิดนิวเคลียร์เพื่อติดตั้งบนขีปนาวุธพิสัยใกล้และกลางได้
โจเอล วิต หนึ่งในผู้เรียบเรียงรายงาน ยังเตือนถึงสถานการณ์ขั้นเลวร้าย (worst-case scenario) ซึ่งเกาหลีเหนือจะครอบครองระเบิดนิวเคลียร์ถึง 100 ลูกภายในปี 2020 และอาจมีเทคโนโลยีที่รุดหน้าจนถึงขั้นสามารถนำมาใช้ในสนามรบ หรือใช้เป็นอาวุธทางยุทธวิธี หากว่าผู้นำโสมแดงต้องการ
“มันเป็นสถานการณ์ที่น่ากลัวทีเดียว” วิต กล่าว พร้อมเตือนว่า ยิ่งเกาหลีเหนือมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครองมากเท่าใด ก็ยิ่งเป็นการยากที่จะโน้มน้าวให้เปียงยางยอมลดอาวุธ
“ผมว่ามันเป็นเรื่องเสี่ยงพอสมควรที่จะลงโทษประเทศใดประเทศหนึ่งที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์มากมาย”
รายงานชิ้นนี้ยังเผยด้วยว่า ระบบขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือใช้อยู่ในปัจจุบันมีพิสัยครอบคลุมเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือทั้งหมด โดยเฉพาะคู่อริอย่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่น แต่ในอนาคตเปียงยางอาจจะสามารถพัฒนาขีปนาวุธแตโปดองให้เดินทางไปได้ไกลถึงแผ่นดินใหญ่สหรัฐฯ
คิม ชี้ว่า ความกังวลเกี่ยวกับกิจกรรมนิวเคลียร์ของโสมแดงทำให้นักการทูตนานาชาติต้องหาวิธีที่จะ “เจรจาอย่างได้ผล เพื่อยับยั้งไม่ให้เกาหลีเหนือเดินหน้าไปมากกว่านี้”
เขาบอกด้วยว่า วอชิงตัน “ไม่ประมาท” ท่าทีเต็มใจลดอาวุธของเกาหลีเหนือ และจะยังใช้ทั้งมาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวและร่วมมือกับนานาชาติ เพื่อบีบให้เปียงยางเป็นฝ่ายสูญเสียมากขึ้นหากไม่ทำตามที่ตกลงไว้