xs
xsm
sm
md
lg

Focus : สหรัฐฯกดดันไทยต้องเลือกข้าง “ปรองดองทักษิณ” หรือ “จะอยู่ต่ออย่างไม่สงบ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ - ท่ามกลางรัฐบาลรักษาการที่มาจากการรัฐประหาร และมีการโยนหินถามทางถึงความน่าจะเป็นที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำไทยในการต่อสายคุยอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ล่าสุด โกลบอลรีเสิร์ช สื่อแคนาดา รายงานเชิงวิเคราะห์ถึง บทความ “ Silencing the Shinawatras “ หรือปิดปากตระกูลชินวัตร ที่ถูกตีพิมพ์ในนิตยสารความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของ“สภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (Council on Foreign Relations) หรือCFR” หน่วยงานธิงแทงก์อันทรงอิทธิพลของสหรัฐฯต่อนโยบายของอเมริกา ที่มีบริษัทเอกชนให้เงินสนับสนุน ได้เสนอแนะให้ไทยเห็นควรเจรจากับทักษิณเพื่อแลกกับความสงบและเสถียรภาพของประเทศในระยะยาว

โกลบอลรีเสิร์ช หรือ CRG องค์กรวิจัยและสื่อที่ไม่แสวงหาผลกำไร มีฐานในควิเบก แคนาดา รายงานเมื่อวานนี้(18) ถึงข้อเขียนล่าสุดของ แมทธิว วีเลอร์ (Matthew Wheeler) ในบทความชื่อ “  Silencing the Shinawatras” หรือ “ปิดปากตระกูลชินวัตร” ที่ถูกตีพิมพ์ลงในนิตยสารความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (Council on Foreign Relations) หรือ CFR ซึ่งมีอดีตประธานาธิบดี จอร์จ เฮอร์เบิร์ต วอล์กเกอร์ บุช  ผู้พ่อ เป็นหนึ่งในคณะผู้ก่อตั้ง และพบว่า CFC เป็นองค์กรที่มีศักยภาพและมีอิทธิพลสูงสุดในการควบคุมโลกยุคปัจจุบัน ทั้งด้านธุรกิจการเงิน โทรคมนาคม การพลังงาน รวมถึงควบคุมองค์การการค้าโลก NGO ธนาคารกลางสหรัฐ ธนาคารโลก ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท และสื่อมวลชนที่ทรงอิทธิพลแขนงต่างๆ รวมถึงยังมีผลต่อนโยบายสำคัญของสหรัฐอเมริกา และเป็นองค์กรที่มีบริษัทยักษ์ใหญ่ให้ทุนสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง

วีเลอร์ ผู้เขียนบทความนี้ ได้อ้างว่า “ในขณะที่ไทยต้องการความปรองดอง ความมีเถียรภาพ และความร่วมมือในทุกภาคส่วนการเมือง ดังนั้นการถอดถอนอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของไทย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ถูกหลายฝ่ายมองว่า เป็นการเอาคืนของฝ่ายตรงกันข้าม และส่งผลทำให้ไทยมีความยากลำบากในการมีเสถียรภาพทางการเมืองยิ่งขึ้น” และวีเลอร์ได้เตือนว่า รัฐบาลรักษาการที่มาจากรัฐประหาร ซึ่งเรียกขานตนเองว่า คสช. หรือ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ได้สัญญาจะคืนความสุขให้คนไทย โดยการเอาชนะความขัดแย้งทางการเมืองสังคมที่เคยมีมา ดังนั้นการถอดถอนยิ่งลักษณ์ จะถือเป็นความเสี่ยงของคสช. ที่เสมือนส่งสัญญาณให้กับแต่ละฝ่ายของคู่ขัดแย้งหันกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง และพร้อมจะทำให้ไทยเดินกลับมาสู่ถนนแห่งยุคมิคสัญญีต่อไป เพราะหลังจากในช่วงปีที่ผ่านมา ทางรัฐบาล คสช.ได้ประสบความสำเร็จที่จะปรามให้ทุกฝ่ายไม่ให้ออกมาความเคลื่อนไหวทางการเมืองบนท้องถนน

ทั้งนี้โกลบอลรีเสิร์ช รายงานว่า วีเลอร์ชี้ว่า หากไทยต้องการมีความสงบอย่างยั่งยืน จึงเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ที่ “ไทยต้องหันหน้ามาปรองดองกับอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกทำรัฐประหารและต้องอาศัยอยู่ในต่างแดน” หรือจะเลือกที่จะอยู่อย่างไม่สงบต่อไป โดยวีเลอร์ได้โยงถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นในไทยหลังจากที่ทักษิณ ชินวัตร ถูกทำรัฐประหารในปี 2006 แต่ทว่าสื่อแคนาดาแย้งว่า วีเลอร์เจ้าของบทความ“Silencing the Shinawatras.” พลาดที่จะไม่ระบุเจาะจงไปถึงเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นหลังจากทักษิณถูกยึดอำนาจไปแล้ว หรือไม่แม้กระทั่งที่จะเอ่ยถึงความรุนแรงครั้งใหญ่ในเหตุฆ่าตัดตอน "ทำสงครามยาเสพติด" ที่เกิดขึ้นในสมัยทักษิณเรืองอำนาจ

เพราะเป็นที่แน่ชัดว่า ในช่วงปี 2003 ภายในระยะเวลาเพียง 90 วัน พบว่ามีการใช้อำนาจยุติธรรมเร่งรัดพิเศษบนท้องถนนน สังหารคนไปร่วม 3,000 คน ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้บริสุทธิ และสื่อแคนาดายังชี้ต่อว่า และในปีถัดมา มีผู้ต้องเสียชีวิตอีกถึง 85 คนภายในเพียงแค่วันเดียวในเหตุการประท้วงที่ตากใบ จ.นราธิวาส และนอกจากนี้ ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นผู้นำไทยในขณะนั้น ยังมีนโยบายใช้ความรุนแรง และส่งผลให้นักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชนอย่างน้อย 18 คน หายตัว หรือสาบสูญในปีแรกของการเข้ารับตำแหน่ง เช่น ทนายสมชาย นีละไพจิตร และรวมไปถึงมีศัตรูทางการเมืองของทักษิณอย่างน้อย 2 คนที่ถูกลอบสังหารเสียชีวิต และคนที่ 3 สนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นผู้นำขับไล่ทักษิณ เกือบต้องจบชีวิตลงในการถูกลอบสังหารที่โดนกระสุนร่วม 100 นัดสาดยิงรถของเขาในเวลากลางวันกลางเมืองหลวงของประเทศ

นอกจากนี้โกลบอลรีเสิร์ชยังรายงานเพิ่มเติมว่า กลุ่มขบวนการเคลื่อนไหว "เสื้อแดง" ที่จงรักภักดีต่อทักษิณ ซึ่งเป็นกล่มขบวนการกดดันเคลื่อนไหวข้างถนน มักใช้วิธีขู่อาฆาต โจมตี และใช้อาวุธสังหารฝ่ายตรงกันข้ามที่วิพากษ์ตระกูลชินวัตร หรือผู้สืบทอดอำนาจที่ทักษิณจัดตั้งขึ้น ทางกลุ่มนั้นประสบความสำเร็จอย่างสูงในการทำให้สังคมไทยเกิดความหวาดกลัวในความรุนแรงต่อการกลับมาของคนเสื้อแดงอีกครั้ง โดยเหตุการณ์ช่วงปี 2009 และอีกครั้งในปี 2010 โกลบอลรีเสิร์ชรายงานว่า ตระกูลชินวัตรสนับสนุนการกระทำของกลุ่มเสื้อแดงในเหตุจลาจลกลางกรุงเทพฯ ซึ่งในปี 2010 ในเหตุจลาจลนั้น พบว่ามีกลุ่มก่อการร้ายติดอาวุธหนักร่วม 300 คนร่วมขบวน และส่งผลทำให้เกิดการเสียชีวิตเกือบ 100 ศพ

และเมื่อไม่นานมานี้ ในการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยของคณะ กปปส.เพื่อจะโค่นล้มรัฐบาลของน้องสาวทักษิณ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งสื่อแคนาดาชี้ว่า เป็นอีกครั้งที่ "ผู้อยู่เบื้องหลังเสื้อแดง" ได้สั่งการให้กลุ่มก่อการร้ายติดอาวุธก่อความรุนแรง สังหารคนที่อยู่ฝ่ายตรงกันข้ามร่วม 30 ชีวิตที่มีทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก และทำให้คนอีกจำนวน 800 คนต้องได้รับบาดเจ็บ

จากเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ ทำให้วีเลอร์ชี้ว่า "ความรุนแรงที่เกิดขึ้น เป็นเพราะตระกูลชินวัตรต้องการใช้เป็นเครื่องมือเพื่อข่มขู่" และหากไทยต้องการหลีกเลี่ยงการฆ่าล้างครั้งต่อไปในอนาคต ผู้นำของไทยเห็นสมควรที่จะต้องยอมศิโรราบต่อเงื่อนไขของทักษิณ และยอมที่จะเปิดเจรจาไกล่เกลี่ย เพื่อจะยอมตามความประสงค์ของอดีตผู้นำไทยให้สามารถกลับเข้ามามีอิทธิพลต่อการเมืองไทยได้อย่างเต็มตัวอีกครั้ง หรือมิเช่นนั้น ไทยต้องเลือกที่จะเสี่ยงต่อความรุนแรง และการก่อการร้ายที่จะเกิดขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

โกลบอลรีเสิร์ชรายงานต่อว่า เป็นที่ทราบโดยทั่วไปสำหรับนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯที่จะไม่เจรจา หรือประนีประนอมกับฝ่ายก่อการร้าย และดูเหมือนว่า หลังจากเกือบ 20 ปีผ่านไป ไทยเริ่มเรียนรู้ถึงคุณค่าในหลักการที่ยึดมั่นนี้ เพราะการเดินหน้ายอมทำตามประสงค์ของผู้ที่ไม่รู้จักพอในสิ่งที่ตนเองต้องการ "ถือเป็นการส่งบัตรเชิญชั้นดีในการทำให้เกิดการนองเลือด" และผู้ที่ยอมอ่อนข้อให้ คือ ไทย จะไร้ซึ่งเสถียรภาพ และเกิดความสั่นคลอนในระบบเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม และยังเป็นผลสืบเนื่องต่อไปถึงคนรุ่นถัดไป ดังนั้นอนาคตของไทยจึงจำเป็นต้องขึ้นอยู่กับ "การถอนรากถอนโคนตระกูลชินวัตร" และกลุ่มคนใดก็ตามที่มีลักษณะคล้ายทักษิณ ในการวางกรอบที่จะกำจัดวัชพืชทางการเมือง เพื่อที่จะทำให้ความรุนแรง และการโกงกินหมดไปจากสังคมไทย และป้องกันไม่ให้สามารถกลับมาแทงยอดแตกหน่อผลิใบได้อีกครั้ง

ในขณะที่วีเลอร์ยืนกรานว่า ไทยต้องประนีประนอมกับทักษิณเท่านั้น แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้วโกลบอลรีเสิร์ชชี้ว่า ไทยไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะต้องถอนรากถอนโคนตระกูลชินวัตรจากสารบบการเมืองไทยไปได้ หรือกระทำสิ่งใดที่น้อยกว่านั้นไปได้

และสื่อแคนาดายังสะท้อนถึงโปรไฟล์ของวีเลอร์ว่า มาจากองค์กรธิงแทงก์ “International Crisis Group” ที่รับเงินสนับสนุนมาจากบริษัทเอกชนอีกทอด และพบว่า เคเนธ แอเดิลแมน ( Kenneth Adelman) หนึ่งในสมาชิกขององค์กรธิงแทงก์แห่งนี้ ทำหน้าที่เป็นล็อบบี้ยิสต์ให้กับทักษิณ ชินวัตร และรวมถึงยังทำหน้าที่เป็นประธานองค์กร "Freedom House" ภายใต้กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ที่มีส่วนเกี่ยวเนื่องกับ Naitonal Endowment for Democracy (NED) ซึ่งให้การสนับสนุนด้านเงินทุนกับ เครือข่ายสร้างโฆษณาชวนเชื่อให้กับทักษิณ ชินวัตร ในไทย เช่น เว็บประชาไทย ที่อื้อฉาว เป็นต้น นอกจากนี้กลุ่มธิงแทงก์ International Crisis Group  ยังมีสมาชิกคนสำคัญ เป็นต้นว่า จอร์จ โซรอส อาชญากรทางเศรษฐกิจที่ทำให้เกิดพิษต้มยำกุ้ง และยังเป็นเจ้าขององค์กร Open Society (OSF) ซึ่งให้เงินทุนสนับสนุน กลุ่มเว็บประชาไทย และกลุ่มอื่นๆที่ทำงานทางการเมืองให้กับทักษิณ

ดังนั้นโกลบอล รีเสริช จึงสรุปท้ายว่า จึงไม่เป็นที่น่าประหลาดใจเท่าใดนักเมื่ออ่านบทความของวีเลอร์ เรียกร้องให้ไทยยอมรับเงื่อนไขของทักษิณ และสื่อแคนาดาแห่งนี้ยังวิเคราะห์ว่า การยอมผ่อนปรนเพื่อเจรจากับทักษิณย่อมจะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับไทย แต่กลับกลายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับกลุ่มคนที่ได้ให้การสนับสนุนทางการเงินกับองค์กรธิงแทงก์ของวีเลอร์ และบรรดาเพื่อนที่มีอิทธิพลของวีลเลอร์ใน CFR ที่ได้ใช้เวลานานหลายปี ลงทุนลงแรงในการฟูมฟักทำให้ตระกูลชินวัตรสามารถหยั่งรากลึกผงาดอยู่ในแวดวงการเมืองไทยได้ถึงทุกวันนี้
ข้อความบางตอนจากการวิเคราะห์ของโกลบอลรีเสิร์ช สื่อแคนาดา ที่ระบุว่า แมทธิว วีเลอร์ เจ้าของบทความ “Silencing the Shinawatras” ในนิตยสารของ CFR ระบุว่า ตรกูลชินวัตรต้องการใช้ความรุนแรงเพื่อต่อรองกับไทย

กำลังโหลดความคิดเห็น