เอเจนซีส์ - เป็นครั้งแรกของสหรัฐฯ ที่ยอมรับอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ (1 ก.พ.) ถึงการยื่นมือข้องเกี่ยวของรัฐบาลสหรัฐฯ ในวิกฤตยูเครน โดยผู้นำสหรัฐฯ ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ยอมรับกับ CNN สื่อสหรัฐฯ เป็นครั้งแรกว่าวอชิงตันเป็นตัวกลางสำคัญในการช่วยจัดการหาข้อตกลงปลี่ยนผ่านอำนาจการบริหารยูเครนในช่วงประท้วงขับไล่อดีตประธานาธิบดีวิกเตอร์ ยานูโควิช ที่ยังอยู่ในอำนาจ
RT และสปูนิก สื่อรัสเซีย รายงานเมื่อวานนี้ (1) ว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ยอมรับเปิดใจผ่านรายการของ ฟารีด ซาคาเรีย (Fareed Zakaria) ในช่องสื่อสหรัฐฯ CNN ยอมรับเมื่อวานนี้ (1) ว่า สหรัฐฯ มีบทบาทสำคัญในการช่วยส่งผ่านอำนาจรัฐบาลยูเครนในระหว่างการเกิดวิกฤตเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2014 โดยโอบามาเปิดเผยว่า “นับตั้งแต่ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ได้เริ่มแนวนโยบายเคลื่อนไหวกับยูเครนและไครเมีย ซึ่งไม่ใช่เกิดมาจากยุทธศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของเขา แต่เป็นเพราะปูตินพลาดต่อผลการประท้วงยูเครนจัตุรัสเอกราชไมดาน (Maidan) และยานูโควิช ซึ่งภายหลังได้หลบหนีจากยูเครน โดยที่ก่อนหน้านั้นในช่วงการประท้วง ทางวอชิงตันเป็นตัวกลางช่วยจัดการในข้อตกลงเปลี่ยนถ่ายอำนาจไปสู่รัฐบาลยูเครนใหม่แล้ว” โอบามาเผย
RT รายงานเพิ่มเติมว่า สิ่งที่โอบามาเผยดูไม่น่าแปลกใจเมื่อพบว่า การดำเนินงานของสหรัฐฯภายใต้ USAID ที่ดำเนินผ่านกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯในนามความช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมได้มีปฏิบัติการในยูเครนได้เริ่มต้นยาวนานนับตั้งแต่อดีตสหภาพโซเวียตล่มสลาย และสหรัฐฯ ทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์ในโปรเจกต์ประชาธิปไตยล่าสุดในยูเครน ที่ RT สื่อถึง “การปฎิวัติประชาชนในเดือนกุมภาพันะ 2014 เพื่อขับไล่ยานูโควิช” ซึ่งไม่เพียงแต่เงินที่ได้จากภาษีของพลเมืองอเมริกันที่ถูกใช้ผ่านUSAID เพื่อเปลี่ยนแปลงยูเครนเท่านั้น แต่สื่อรัสเซียชี้ว่าในเดือนพฤษภาคม 2014 จอร์จ โซรอส (George Soros) พ่อมดทางการเงินชาวสหรัฐฯได้ยอมรับเช่นกันผ่านรายการของซาคาเรียของ CNN ว่า “ผมได้ก่อตั้งมูลนิธิในยูเครนมานานก่อนที่ยูเครนจะได้รับอิสรภาพจากรัสเซีย และมูลนิธิยังคงดำเนินงานมาจนถึงทุกวันนี้ และเป็นตัวจักรสำคัญในเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงต่าางๆในประเทศ” โซรอสเผย
สื่อรัสเซียชี้ว่า เงินต่างๆไม่เพียงแต่ใช้เพื่อมนุษยธรรม เช่น การซื้ออาหารแจกจ่ายผู้ชุมนุมที่บริเวณจตุรัสเอกราชกลางกรุงเคียฟในช่วงการประท้วงที่ยาวนานเท่านั้น แต่ทว่าพบว่า ชาติตะวันตก และสหรัฐฯใช้สถาบันระหว่างประเทศ IMF เป็นเครื่องมือในการควบคุมยูเครนด้วยการให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ โดยไมเคิล ฮัดสัน (Michael Hudson) จากสื่อ Counterpunch ได้สรุปถึงชัยชนะของชาติตะวันตกในสงครามตัวแทนยุคสงครามเย็นรอบใหม่นี้ว่า ในเดือนเมษายน 2014 ในขณะที่ยูเครนเพิ่งเสร็จสิ้นจากวิกฤตความขัดแย้งทางกลางเมืองที่ยาวนาน ขับไล่ประธานาธิบดีวิกเตอร์ ยานูโควิชออกจากตำแหน่งสำเร็จ หลังจากมียอดผู้เสียชีวิตในการปะทะไม่ต่ำกว่า 100 คนช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปีที่ผ่านมา และไม่ถึงเดือนก่อนจะถึงเหตุการณ์ปะทะที่มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากที่โอเดสซา ทางตะวันออกของประเทศ กลับพบว่า IMF ได้ทำการอนุมัติความช่วยเหลือทางการเงินให้กับรัฐบาลเคียฟรักษาการชุดที่โลกตะวันตกหนุนถึง 17 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งตัวเลขความมช่วงเหลือสูงเป็น 8 เท่าของยอดปกติที่ IMF ในธรรมเนียมปฏิบัติจะปล่อยกู้แค่ 2 เท่าของรายได้ประเทศที่มีใน 1 ปี และฮัดสันชี้ว่า นอกจากตัวเลขการปล่อยกู้ในวงเงินที่สูงผิดปกติ และยังอนุมัติในช่วงประเทศยูเครนมีสงครามกลางเมือง ทำให้ชี้ได้ว่า IMF ถูกสหรัฐฯ ใช้เป็นเครื่องมือในยุคสงครามเย็นยุคใหม่
โดยฮัดสันอธิบายเพิ่มเติมว่า เคียฟใช้เม็ดเงินที่ได้จาก IMF ในครั้งนั้นในกิจการทหารเพื่อโจมตีผู้ประท้วงในยูเครนตะวันออก “เคียฟใช้เงินกู้ของ IMF เพื่อมาจัดการกับยูเครนตะวันออก ซึ่งการให้ความช่วยเหลือการเงินของสถาบันระหว่างประเทศมักมาพร้อมกับเงื่อนไขการรัดเข็มขัดทางการคลัง แต่การใช้เงินกู้ในกิจการทหารของยูเครน ทำราวกับว่าจะทำให้สถานการณ์ทางการเงินของยูเครนมีเสถียรภาพขึ้นมาได้” ฮัดสันกล่าว