เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้ (14) ผู้ประท้วงชาวยูเครนร่วมหลายร้อยคนเดินขบวนที่หน้าสถานทูตรัสเซียประจำกรุงเคียฟ พร้อมยังได้ทำลายรถสถานทูตที่จอดอยู่ด้านนอก รวมไปถึงขนยางรถยนต์มากั้นที่ด้านนอกรั้วสถานทูตเพื่อไม่ให้มีการเข้าออก พรอ้มยังปาระเบิดควัน ไข่ และสี เข้าไปยังตัวตึกสถานทูตโดยตำรวจยูเครนไม่สามารถทำอะไรได้
RT สื่อรัสเซียรายงานเมื่อวานนี้ (14) ว่า ตำรวจยูเครนนิ่งเฉยในขณะที่กลุ่มผู้ประท้วงชาวยูเครนต่อต้านเครมลินหลายร้อย คนได้ปิดกั้นถนนหน้าสถานทูตรัสเซียกลางกรุงเคียฟ เพื่อระบายโทสะที่มอสโกได้เข้าแทรกแซงวิกกฤตยูเครนตะวันออก
โดยผู้ประท้วงได้โยระเบิดเพลิงโมโลตอฟเข้าใส่ตัวตึกสถานทูต ทำให้เกิดเพลิงไหม้เล็กน้อยแต่สามารถดับได้ทัน และเมื่อเวลาเที่ยงคืนสถานการณ์ได้เริ่มสงบลงแต่ผู้ประท้วงยูเครนยังคงปักหลักอยู่บริเวณนั้น นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่มผู้ประท้วงได้ทำลายบาทวิถีและทุบเอาอิฐเพื่อใช้คว้างไปที่หน้าต่างทำการสถานทูตรัสเซีย สำนักข่าวอิตาร์ ทาสส์รายงาน
และเมื่อเหตุการณ์ดำเนินต่อไป สถานการณ์เริ่มมีความตึงเครียดเพิ่มมากขึ้น เพราะกลุ่มแนชันแนลลิสต์ขวาจัดติดอาวุธเมเดนที่สวมหน้ากากไหมพรมและสวมชุดลายพรางหลายสิบคน และสมาชิกพรรคชาตินิยมยูเครนสโวโบดา (Svoboda) เข้าร่วมการประท้วงในตอนค่ำที่มีทั้งก้อนหิน ระเบิดเพลิง และวัตถุที่ระเบิดได้ถูกโยนข้ามรั้วเข้าไปยังสถานทูต
โอเลก กริชิน (Oleg Grishin) นักการทูตรัสเซียประจำสถานทูตรัสเซียในเคียฟได้ยืนยันกับ RT ว่า มีรถของเจ้าหน้าที่สถานทูตจำนวนหนึ่งที่จอดด้านนอกสถานทูตถูกกลุ่มผู้ประท้วงจับหงายท้องล้อชี้ฟ้า ถึงแม้ตำรวจยูเครนจะได้เข้าเจรจากับกลุ่มประท้วง แต่ไม่ยอมเข้าทำการจับกุม
“การจัดรักษาความปลอดภัยนั้นถูกจัดหาโดยรัฐบาลยูเครน แต่เจ้าหน้าที่เหล่านั้นไม่พยายามป้องกันความเสียหายต่อทรัพย์สินของสถานทูตรัสเซียแต่อย่างใด” กริซินให้สัมภาษณ์กับ RT ทางโทรศัพท์
และผู้ประท้วงยังประสบความสำเร็จในการปิดทางเข้าออกตัวสถานทูตโดยสิ้นเชิงด้วยรถที่จอดขวางอยู่ทางเข้า และกองยางรถยนต์ที่ขนมารวมไว้ กริซินเสริมต่อ
มีผู้ประท้วงจำนวนไม่มากนักชูป้ายข้อความ “รัสเซียกลับบ้าน” และ “ไม่เอาวอดก้า” พร้อมทั้งการตะโกนถ้อยคำดูหมิ่นประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ใกล้กับสถานทูตรัสเซีย และพบว่ามีผู้ประท้วงบางกลุ่มได้โยนไข่เข้าใส่ตัวสถานทูตในขณะที่เปิดเพลงปลุกใจรักชาติยูเครนดังลั่นผ่านลำโพงกระจายเสียงนอกจากนี้ผูประท้วงบางคนที่ดูเหมือนหัวรุนแรงได้ขนยางรถยต์ไปกองไว้ตรงทางเข้าสถานทูต พยานในเหตุการณ์ให้สัมภาษณ์กับสื่อ
และผู้ประท้วงยูเครนบางคนได้เขียนข้อความหยาบคายโจมตีปูตินที่ป้ายชื่อสถานทูตรัสเซีย นอกจากนี้ มีกลุ่มผู้ประท้วงได้ร่วมกันหงายรถยนต์ของเจ้าหน้าที่สถานทูตที่จอดอยู่ด้านหน้าสถานทูตรัสเซีย เป็นผลทำให้ป้ายทะเบียนรถหลุดออก และพบมีการพ่นข้อความบนรถพวกนั้น โดยหนึ่งในรถของสถานทูตที่ถูกทำลายถูกพ่นรูปสวัสดิกะในสีธงชาติยูเครน
และนอกจากนี้ มีผู้ประท้วงได้ดึงธงชาติรัสเซียที่ประดับไว้ลงมาจากเสา ในขณะที่ธงชาติของกลุ่มติดอาวุธยูเครนถูกแขวนไว้ที่รั้ว โดยบรรดาผู้ประท้วงยูเครนเชื่อว่า รัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องกับความไม่สงบในยูเครนตะวันออก และได้ปาไข่เข้าใส่สถานทูตพร้อมกับตะโกนว่า “เพื่อคนหนุ่มของพวกเรา” ที่หมายถึงการเสียชีวิตของทหารยูเครน 49 นายเสียชีวิตจากการที่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซียยิงเครื่องบินลำเลียงตกใกล้ลูกานสก์
ด้านกระทรวงมหาดไทยยูเครนประกาศจะสอบสวนการประท้วงครั้งนี้ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม ส่วนกระทรวงต่างระเทศรัสเซียได้ออกแถลงการณ์ประนามการทำลายทรัพย์สินสถานทูตครั้งนี้ และเรียกร้อองให้ยูเครนเพิ่มความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่การทูตยูเครน
“รัสเซียรู้สึกโกรธมากต่อการกระทำที่ยั่วยุของเหล่าผู้ประท้วงที่มีพฤติกรรมเหมือนโจรฟาสซิสต์ในการบุกทำลายสถานทูตรัสเซียประจำกรุงเคียฟ ทางรัสเซียขอใหัรัฐบาลยูเครนออกมาตรการด้านความปลอดภัยทุกด้านเพื่อปกป้องชีวิตนักการทูตรัสเซียในกรุงเคียฟ” แถลงการณ์จากกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย
และทางกระทรวงต่างประเทศรัสเซียยังแถลงเพิ่มเติมว่า “รัฐบาลยูเครนยังไม่ออกมาตรการใดออกมา ซึ่งถือเป็นการผิดข้อตกลงอย่างร้ายแรงของเคียฟ”
นอกจากนี้ ในวันเสาร์ (14) สหรัฐฯได้ออกแถลงการณ์ประนามความรุนแรงที่เกิดขึ้นในการโจมตีสถานทูตรัสเซียประจำเคียฟ โดยร้องขอให้มีการรับประกันความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่สถานทูตรัสเซีย
“สหรัฐฯขอประณามการใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อสถานทูตสหพันธรัฐรัสเซียประจำกรุงเคียฟ และขอให้รัฐบาลยูเครนยึดมันในพันธสัญญาภายใต้อนุสัญญาเวียนนาเพื่อให้หลักประกันในสวัสดิภาพของนักการทูต” เจน ซากี โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯแถลง
นอกจากนี้ อิตาร์ ทาสส์ รายงานว่า ด้านนอกสถานทูตยูเครนในกรุงมอสโก มีผู้ประท้วงราว 200 คน รวมตัว แสดงความไม่พอใจในความวุ่นวายที่ผู้ประท้วงขยูเครนได้โจมตีสถานทูตรัสเซียกลางกรุงเคียฟ และยังแสดงความไม่พอใจถึงบทบาทของรับบาลยูเครนในการจัดการปัญหาวิกฤตยูเครนตะวันออก และมีบางส่วนได้ถือป้าย “ปล่อยนักข่าวให้เป็นอิสระ” รวมไปถึง “เราไม่อภัยต่อการเสียชีวิตของลูกหลานของเรา”
