เอพี - เอกอัครราชทูตอิรักประจำสหประชาชาติวานนี้ (17 ก.พ.) เอ่ยขอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เร่งตรวจสอบข้อกล่าวหาที่ว่า กลุ่มหัวรุนแรง “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) กำลังค้าอวัยวะมนุษย์เพื่อหารายได้ไปสนับสนุนเส้นทางในการสถาปนารัฐอิสลาม ที่ปกครองด้วยระบบคอลิฟะห์
เอกอัครราชทูต โมฮาเหม็ด อัลฮาคิม กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ร่างผู้เสียชีวิตที่พบในหลุมศพหมู่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มปรากฏร่องรอย “แผลผ่าตัด” และพบว่ามีไต หรืออวัยวะส่วนอื่นๆ ของผู้ตายหายไป
“เรายังเก็บศพไว้ มาตรวจดูได้ แล้วจะเห็นชัดเลยว่าศพเหล่านี้มีอวัยวะบางส่วนสูญหายไป” เขาว่า
นอกจากนี้เขายังระบุด้วยว่า หมอในเมืองโมซุลหลายสิบคนต้องถูก “สังหาร” เพราะไม่ยอมให้ความร่วมมือในกระบวนการค้าอวัยวะของกลุ่มไอเอส
อัลฮาคิม แถลงสรุปภาพรวมของสถานการณ์ในอิรัก ต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และกล่าวหากลุ่มรัฐอิสลามว่ามีพฤติการณ์ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ด้วยการมุ่งสังหารชาติพันธุ์บางกลุ่ม
นิโคไล มลาเดนอฟ ทูตพิเศษด้านตะวันออกกลางประจำสหประชาชาติ กล่าวต่อคณะมนตรีความมั่นคงว่า เฉพาะเมื่อเดือนมกราคมเพียงเดือนเดียว มีประชาชนถูกสังหารในการก่อการร้าย และความขัดแย้งทางอาวุธมากถึง 790 คน
มลาเดนอฟพบว่า เริ่มมีรายงานและข้อกล่าวหาออกมาหนาหูขึ้นเรื่อยๆ ว่ากลุ่มหัวรุนแรงรัฐอิสลามกำลังอาศัยอวัยวะมนุษย์เป็นเครื่องมือหาเงิน ในขณะที่เขากล่าวเพียงว่า “เห็นได้ชัดว่ากลุ่มไอเอสใช้ยุทธวิธีที่กว้างขวางมากขึ้นทุกวัน”
เขาชี้ว่า เป้าหมายเร่งด่วนที่สุดของอิรักในเวลานี้คือ การยึดคืนดินแดนอันกว้างใหญ่ที่ถูกกลุ่มรัฐอิสลามแย่งชิงไปเมื่อปีที่แล้ว โดยกลุ่มมุสลิมสุหนี่ติดอาวุธกลุ่มนี้สามารถบุกยึดดินแดนในอิรัก และซีเรียซึ่งมีพรมแดนติดกันได้ถึง 1 ใน 3 และประกาศใช้กฎหมายอิสลาม “ชารีอะห์” ที่ผ่านการบิดเบือนและตีความอย่างสุดโต่งในพื้นที่ยึดครอง
มลาเดนอฟกล่าวว่า “สิ่งที่เราเป็นกังวลยิ่งคือ มีรายงานออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเกิดการโจมตีล้างแค้น โดยผู้ได้รับเคราะห์ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกในชุมชนชาวมุสลิมสุหนี่ในพื้นที่ซึ่งได้รับการปลดปล่อยจากการยึดครองของกลุ่มไอเอส”