บีบีซี/เอเอฟพี - “เอชเอสบีซี” ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของอังกฤษช่วยลูกค้าเลี่ยงภาษี และเปิดบัญชีลับมูลค่า 1.19 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.88 ล้านล้านบาท) ทั้งนี้เป็นการเปิดเผยของรายงานโดยสมาคมผู้สื่อข่าวสืบสวนระหว่างประเทศ (ICJ) ซึ่งได้รับการตีพิมพ์วานนี้ (8 ก.พ.)
บีบีซีพาโนรามา ได้เห็นข้อมูลบัญชีธนาคารเอกชนในเครือเอชเอสบีซี ที่สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งอดีตพนักงานคนหนึ่งนำมาเปิดโปงเมื่อปี 2007 โดยบัญชีดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า นายธนาคารได้ช่วยเหลือลูกค้าเลี่ยงภาษี ทั้งยังช่วยเหลือลูกค้าที่หนีภาษีในการหลบเลี่ยงกฎหมายอีกด้วย
เอชเอสบีซียอมรับว่า มีลูกค้าบางส่วนอาศัยนโยบายด้านการรักษาความลับของธนาคารเพื่อปกปิดบัญชีของตนเอง แต่ธนาคารนี้ระบุว่าตอนนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงถอนรากถอนโคนกฎระเบียบดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ เอกสารฉบับดังกล่าวซึ่งถูกผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์คนหนึ่งฉกไปเมื่อปี 2007 ขณะที่เขาทำงานในธนาคารเอชเอสบีซี ประจำนครเจนีวา อ้างว่าธนาคารแห่งนี้ช่วยลูกค้าในกว่า 200 ประเทศทั่วโลกเลี่ยงภาษี
แม้ว่าการเปิดบัญชีเงินฝากนอกประเทศจะไม่ถือว่า เป็นการกระทำผิดกฎหมาย แต่คนไม่น้อยก็ใช้วิธีนี้ซุกซ่อนเงินไม่ให้สรรพากรรับรู้ และแม้ว่าการเลี่ยงภาษีจะถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายโดยสิ้นเชิง ทว่า การจงใจซุกซ่อนเงินเพื่อเลี่ยงการจ่ายภาษีกลับไม่ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
ทางการฝรั่งเศสได้ประเมินภาษีจากข้อมูลในเอกสารที่ถูกขโมยออกมา จนได้ข้อสรุปในปี 2013 ว่า พลเมืองร้อยละ 99.8 ที่ปรากฏในรายชื่อดังกล่าวอาจพยายามหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษี
การสืบสวนร่วม
หนังสือพิมพ์รายวัน “เลอมงด์” ของฝรั่งเศสได้รับข้อมูลความยาวหลายพันหน้า โดยเอกสารที่ถูกเปิดโปงเหล่านี้ได้ถูกส่งต่อไปยังสมาคมผู้สื่อข่าวสืบสวนระหว่างประเทศ หนังสือพิมพ์ เดอะการ์เดียน บีบีซีพาโนรามา และสำนักข่าวกว่า 50 แห่งทั่วโลก โดยถือเป็นส่วนหนึ่งในการสืบสวนร่วมกัน
เอกสารดังกล่าวมีข้อมูลของลูกค้าชาวอังกฤษเกือบ 7,000 คน และบัญชีโดยมากไม่เคยเปิดเผยให้สรรพากรรับรู้มาก่อน
สำนักงานสรรพากร และศุลกากรอังกฤษ (เอชเอ็มอาร์ซี) ได้รับข้อมูลเหล่านี้เมื่อปี 2010 และระบุว่า พบว่ามีชาวอังกฤษที่ยังไม่ได้เสียภาษี 1,100 คน แต่แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเกือบ 5 ปีแล้ว ก็ยังมีผู้เลี่ยงภาษีถูกดำเนินคดีเพียงรายเดียว
เอชเอ็มอาร์ซีระบุว่า ผู้ที่ซุกซ่อนทรัพย์สินไว้ในบัญชีธนาคารที่สวิตเซอร์แลนด์ได้จ่ายภาษี ดอกเบี้ย และค่าปรับรวมเป็นเงิน 135 ล้านปอนด์ (ราว 6,700 ล้านปอนด์)
เอชเอสบีซีไม่เพียงแต่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นว่า ลูกค้ากำลังเลี่ยงภาษีเท่านั้น แต่ยังกระทำผิดกฎหมาย ด้วยการลงมือช่วยเหลือลูกค้าในบางกรณี เป็นต้นว่า ออกบัตรเครดิตต่างประเทศแก่ครอบครัวฐานะร่ำรวย เพื่อให้พวกเขาสามารถถอนเงินที่ปกปิดสรรพากรจากตู้กดเงินต่างประเทศ
นอกจากนั้น เอชเอสบีซียังได้ช่วยลูกค้าที่เลี่ยงภาษีให้รอดพ้นจากการกฎหมายอีกด้วย
เมื่อมีการบังคับใช้คำสั่งออมทรัพย์ยุโรป (European Savings Directive) เมือปี 2005 ก็มีการกำหนดให้ธนาคารสวิสจะต้องเรียกเก็บภาษีค้างชำระจากบัญชีธนาคารที่ไม่ได้รับการเปิดเผย และส่งภาษีไปยังสรรพากร
ภาษีดังกล่าวถูกกำหนดขึ้นมาเพื่อสกัดผู้หลบเลี่ยงการจ่ายภาษี แต่แทนที่เอชเอสบีซีจะเรียกเก็บภาษีจากลูกค้า ธนาคารนี้กลับทำหนังสือถึงลูกค้า เพื่อเสนอแนวทางเลี่ยงภาษีรูปแบบใหม่ อย่างไรก็ตาม เอชเอสบีซียังยืนกรานปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า ผู้ถือบัญชีเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้หนีภาษีโดยทั้งสิ้น
ในเวลานี้ ธนาคารนี้กำลังถูกสอบสวนอาญาทั้งในสหรัฐฯ ฝรั่งเศส เบลเยียม และอาร์เจนตินา เอชเอสบีซีกล่าวว่ากำลัง “ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้อง” แต่ที่อังกฤษ ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของธนาคารแห่งนี้ กลับไม่มีการดำเนินการดังกล่าว
เอชเอสบีซีระบุว่า ได้สังคายนาธุรกิจการธนาคารเอกชนของทางสถาบันแล้ว รวมทั้งได้ลดจำนวนบัญชีธนาคารจากสวิตเซอร์แลนด์ลงเกือบร้อยละ 70 นับตั้งแต่ปี 2007 และ “เอชเอสบีซีได้ดำเนินมาตรการมากมายเพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ใช้บริการธนาคารของตนเป็นช่องทางในการเลี่ยงภาษี หรือฟอกเงิน”
อย่างไรก็ตาม บีบีซีพาโนรามาได้พูดคุยกับแหล่งข่าวคนหนึ่งซึ่งระบุว่า ยังคงพบปัญหาการเลี่ยงภาษีเกิดขึ้นที่ธนาคารเอชเอสบีซี ขณะเธอทำงานที่ธนาคารนี้เมื่อปี 2013
ซู เชลลี เคยเป็นหัวหน้าฝ่ายผู้กำกับดูแลการปฏิบัติงานด้านธุรกิจการธนาคารพาณิชย์ของธนาคารเอชเอสบีซี ในลักเซมเบิร์ก เธอชี้ว่า เอชเอสบีซีไม่ได้ทำตามสัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินงานให้โปร่งใสขึ้น “ดิฉันคิดว่าการตกปากรับคำก็เป็นเรื่องที่ดีมาก แต่พวกเขาไม่ได้ลงมือทำจริง และเรื่องนั้นก็เป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจดิฉันอย่างรุนแรง”
ทั้งนี้ งานของเชลลี คือการสร้างความมั่นใจว่า เอชเอสบีซี บริหารกิจการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทว่า เธอถูกไล่ออกเมื่อยกประเด็นที่เธอกังวลขึ้นหารือ และจากนั้นเธอก็ชนะคดีถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรม
บีบีซีพาโนรามา ได้เห็นข้อมูลบัญชีธนาคารเอกชนในเครือเอชเอสบีซี ที่สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งอดีตพนักงานคนหนึ่งนำมาเปิดโปงเมื่อปี 2007 โดยบัญชีดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า นายธนาคารได้ช่วยเหลือลูกค้าเลี่ยงภาษี ทั้งยังช่วยเหลือลูกค้าที่หนีภาษีในการหลบเลี่ยงกฎหมายอีกด้วย
เอชเอสบีซียอมรับว่า มีลูกค้าบางส่วนอาศัยนโยบายด้านการรักษาความลับของธนาคารเพื่อปกปิดบัญชีของตนเอง แต่ธนาคารนี้ระบุว่าตอนนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงถอนรากถอนโคนกฎระเบียบดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ เอกสารฉบับดังกล่าวซึ่งถูกผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์คนหนึ่งฉกไปเมื่อปี 2007 ขณะที่เขาทำงานในธนาคารเอชเอสบีซี ประจำนครเจนีวา อ้างว่าธนาคารแห่งนี้ช่วยลูกค้าในกว่า 200 ประเทศทั่วโลกเลี่ยงภาษี
แม้ว่าการเปิดบัญชีเงินฝากนอกประเทศจะไม่ถือว่า เป็นการกระทำผิดกฎหมาย แต่คนไม่น้อยก็ใช้วิธีนี้ซุกซ่อนเงินไม่ให้สรรพากรรับรู้ และแม้ว่าการเลี่ยงภาษีจะถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายโดยสิ้นเชิง ทว่า การจงใจซุกซ่อนเงินเพื่อเลี่ยงการจ่ายภาษีกลับไม่ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
ทางการฝรั่งเศสได้ประเมินภาษีจากข้อมูลในเอกสารที่ถูกขโมยออกมา จนได้ข้อสรุปในปี 2013 ว่า พลเมืองร้อยละ 99.8 ที่ปรากฏในรายชื่อดังกล่าวอาจพยายามหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษี
การสืบสวนร่วม
หนังสือพิมพ์รายวัน “เลอมงด์” ของฝรั่งเศสได้รับข้อมูลความยาวหลายพันหน้า โดยเอกสารที่ถูกเปิดโปงเหล่านี้ได้ถูกส่งต่อไปยังสมาคมผู้สื่อข่าวสืบสวนระหว่างประเทศ หนังสือพิมพ์ เดอะการ์เดียน บีบีซีพาโนรามา และสำนักข่าวกว่า 50 แห่งทั่วโลก โดยถือเป็นส่วนหนึ่งในการสืบสวนร่วมกัน
เอกสารดังกล่าวมีข้อมูลของลูกค้าชาวอังกฤษเกือบ 7,000 คน และบัญชีโดยมากไม่เคยเปิดเผยให้สรรพากรรับรู้มาก่อน
สำนักงานสรรพากร และศุลกากรอังกฤษ (เอชเอ็มอาร์ซี) ได้รับข้อมูลเหล่านี้เมื่อปี 2010 และระบุว่า พบว่ามีชาวอังกฤษที่ยังไม่ได้เสียภาษี 1,100 คน แต่แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเกือบ 5 ปีแล้ว ก็ยังมีผู้เลี่ยงภาษีถูกดำเนินคดีเพียงรายเดียว
เอชเอ็มอาร์ซีระบุว่า ผู้ที่ซุกซ่อนทรัพย์สินไว้ในบัญชีธนาคารที่สวิตเซอร์แลนด์ได้จ่ายภาษี ดอกเบี้ย และค่าปรับรวมเป็นเงิน 135 ล้านปอนด์ (ราว 6,700 ล้านปอนด์)
เอชเอสบีซีไม่เพียงแต่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นว่า ลูกค้ากำลังเลี่ยงภาษีเท่านั้น แต่ยังกระทำผิดกฎหมาย ด้วยการลงมือช่วยเหลือลูกค้าในบางกรณี เป็นต้นว่า ออกบัตรเครดิตต่างประเทศแก่ครอบครัวฐานะร่ำรวย เพื่อให้พวกเขาสามารถถอนเงินที่ปกปิดสรรพากรจากตู้กดเงินต่างประเทศ
นอกจากนั้น เอชเอสบีซียังได้ช่วยลูกค้าที่เลี่ยงภาษีให้รอดพ้นจากการกฎหมายอีกด้วย
เมื่อมีการบังคับใช้คำสั่งออมทรัพย์ยุโรป (European Savings Directive) เมือปี 2005 ก็มีการกำหนดให้ธนาคารสวิสจะต้องเรียกเก็บภาษีค้างชำระจากบัญชีธนาคารที่ไม่ได้รับการเปิดเผย และส่งภาษีไปยังสรรพากร
ภาษีดังกล่าวถูกกำหนดขึ้นมาเพื่อสกัดผู้หลบเลี่ยงการจ่ายภาษี แต่แทนที่เอชเอสบีซีจะเรียกเก็บภาษีจากลูกค้า ธนาคารนี้กลับทำหนังสือถึงลูกค้า เพื่อเสนอแนวทางเลี่ยงภาษีรูปแบบใหม่ อย่างไรก็ตาม เอชเอสบีซียังยืนกรานปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า ผู้ถือบัญชีเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้หนีภาษีโดยทั้งสิ้น
ในเวลานี้ ธนาคารนี้กำลังถูกสอบสวนอาญาทั้งในสหรัฐฯ ฝรั่งเศส เบลเยียม และอาร์เจนตินา เอชเอสบีซีกล่าวว่ากำลัง “ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้อง” แต่ที่อังกฤษ ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของธนาคารแห่งนี้ กลับไม่มีการดำเนินการดังกล่าว
เอชเอสบีซีระบุว่า ได้สังคายนาธุรกิจการธนาคารเอกชนของทางสถาบันแล้ว รวมทั้งได้ลดจำนวนบัญชีธนาคารจากสวิตเซอร์แลนด์ลงเกือบร้อยละ 70 นับตั้งแต่ปี 2007 และ “เอชเอสบีซีได้ดำเนินมาตรการมากมายเพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ใช้บริการธนาคารของตนเป็นช่องทางในการเลี่ยงภาษี หรือฟอกเงิน”
อย่างไรก็ตาม บีบีซีพาโนรามาได้พูดคุยกับแหล่งข่าวคนหนึ่งซึ่งระบุว่า ยังคงพบปัญหาการเลี่ยงภาษีเกิดขึ้นที่ธนาคารเอชเอสบีซี ขณะเธอทำงานที่ธนาคารนี้เมื่อปี 2013
ซู เชลลี เคยเป็นหัวหน้าฝ่ายผู้กำกับดูแลการปฏิบัติงานด้านธุรกิจการธนาคารพาณิชย์ของธนาคารเอชเอสบีซี ในลักเซมเบิร์ก เธอชี้ว่า เอชเอสบีซีไม่ได้ทำตามสัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินงานให้โปร่งใสขึ้น “ดิฉันคิดว่าการตกปากรับคำก็เป็นเรื่องที่ดีมาก แต่พวกเขาไม่ได้ลงมือทำจริง และเรื่องนั้นก็เป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจดิฉันอย่างรุนแรง”
ทั้งนี้ งานของเชลลี คือการสร้างความมั่นใจว่า เอชเอสบีซี บริหารกิจการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทว่า เธอถูกไล่ออกเมื่อยกประเด็นที่เธอกังวลขึ้นหารือ และจากนั้นเธอก็ชนะคดีถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรม