เอเอฟพี - นาโต้ทำการหารือกับชาติสมาชิกในวันนี้ (5 ก.พ.) เรื่องการยกระดับมาตรการป้องกันในยุโรปตะวันออก ซึ่งจะเกี่ยวกับฐานทัพ 6 แห่ง พร้อมด้วยกองกำลังทหาร 5,000 นาย ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อความก้าวร้าวของรัสเซียที่มีขึ้นในประเทศยูเครน
เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการใหญ่ องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ยืนยันว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าว ซึ่งน่าจะได้รับการอนุมัติโดยรัฐมนตรีกลาโหมของชาติสมาชิก ในการประชุมที่บรัสเซลส์ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการป้องกันล้วนๆ
อย่างไรก็ตาม การส่งกองกำลังทหารไปปรากฏอยู่ในประเทศที่มีชายแดนติดกับรัสเซีย ดูท่าจะสร้างความขุ่นเคืองให้กับรัฐบาลหมีขาวไม่น้อย ซึ่งฐานทั้ง 6 แห่งนั้นตั้งอยู่ใน เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิธัวเนีย โปแลนด์ โรมาเนีย บัลแกเรีย
"นี่เป็นสิ่งที่เราจะทำเพื่อตอบสนองต่อท่าทีก้าวร้าวที่เราเห็นได้จากรัสเซีย ในการละเมิดกฏหมายระหว่างประเทศและการผนวกดินแดนไครเมียเป็นของตนเอง" สโตลเทนเบิร์ก บอกกับนักข่าว ตอนที่เขาไปถึงสำนักงานใหญ่ของนาโต้
"มันเป็นการตอบสนองต่อสิ่งที่เราเห็นได้จากรัสเซียตลอดช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจระหว่างประเทศของเรา" สโตลเทนเบิร์ก ผู้เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีของนอร์เวย์ กล่าว
ในขณะที่บรรดารัฐมนตรีกลาโหมของนาโต้ประชุมกันอยู่ ทางด้านรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ "จอห์น เคร์รี" ก็ได้ไปยังยูเครนเพื่อพูดคุยถึงเรื่องให้การสนับสนุนด้านอาวุธแก่ประเทศที่กำลังเผชิญวิกฤติการสู้รบแห่งนี้
ก่อนหน้านี้ บรรดาผู้นำของนาโต้เห็นพ้องที่จะยกระดับการป้องกันในแถบยุโรปตะวันออก ในการประชุมที่เวลส์ช่วงเดือนกันยายนปีที่แล้ว ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการกระทำของรัสเซีย ทั้งในประเทศยูเครนและการดำเนินกิจกรรมทางทหารที่เพิ่มมากขึ้นในดินแดนที่ติดกับอาณาเขตของนาโต้
สโตลเทนเบิร์ก ระบุว่า มาตรการเหล่านี้ ยังมีสาเหตุมาจากภัยคุกคามใหม่ของพวกกองกำลังอิสลามิสต์ในแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลาง ที่กำลังเติมเชื้อไฟความรุนแรงภายในยุโรป
สโตลเทนเบิร์ก คาดว่า บรรดารัฐมนตรีกลาโหมของนาโต้จะเห็นพ้องร่วมกัน สำหรับการจัดตั้งกองกำลัง "หัวหอก" ที่มีกำลังพลประมาณ 5,000 นาย ซึ่งสามารถจัดส่งไปยังที่ใดก็ได้ภายในเวลาไม่กี่วัน นอกจากนี้ยังจะมีการหารือในขั้นตอนสุดท้ายว่าจะมีชาติใดบ้างที่มีส่วนร่วมในกองกำลังนี้ โดยหวังว่าไม่เกินปี 2016 กองกำลังดังกล่าวจะเริ่มออกปฏิบัติการได้
นาโต้ยังมีการหารือเกี่ยวกับการเพิ่มกำลังพลของกองกำลังตอบโต้ จากเดิม 13,000 นาย ไปเป็น 30,000 นาย รวมถึงมีการตัดสินใจเกี่ยวกับหน่วยควบคุมและบัญชาการ 6 แห่งในยุโรปตะวันออก เพื่อให้แน่ใจว่ากำลังพลชุดใหม่จะสามารถลงพื้นที่ได้
ขณะเดียวกันศูนย์ควบคุมและบัญชาการในโปแลนด์ก็จะได้รับการยกระดับการทำงาน โดยจะใช้เป็นฐานในการวางแผน ดูแลในด้านการดำเนินงาน รวมถึงจะคอยประสานเชื่อมต่อระหว่างกองกำลังของแต่ละชาติเข้ากับกำลังหนุนของนาโต้
ผู้นำนาโต้บอกอีกว่า ในช่วงนอกรอบของการประชุมความมั่นคงที่มิวนิคปลายสัปดาห์นี้ เขาจะพบปะกับรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ "โจ ไบเดน" รวมถึงประธานาธิบดียูเครน "เปโตร โปโรเชนโก" และรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย "เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ
เขาบอกว่าการคุยกับลาฟรอฟ เป็นส่วนหนึ่งของการเปิดช่องเจรจาในทางการเมืองแก่รัสเซีย หลังจากที่ความสัมพันธ์ของนาโต้กับรัสเซียไม่สู้จะดีนักเพราะวิกฤติยูเครน
"เรากำลังเรียกร้องให้รัสเซียหยุดให้การสนับสนุนแก่กลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดน แล้วเคารพต้อข้อตกลงสันติภาพซึ่งทำกันที่กรุงมินสก์ รวมถึงขอให้ใช้อิทธิพลที่มีทั้งหมดกดดันให้กบฏเหล่านั้นเคารพต่อข้อตกลงหยุดยิง" สโตลเทนเบิร์ก กล่าว