รอยเตอร์ - ผู้ที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เลือกให้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) คนต่อไปออกมากล่าวเมื่อวานนี้ (4 ก.พ.) ว่า รัสเซียจำเป็นต้องถูกเตือนความจำว่าสนธิสัญญาควบคุมอาวุธยุคสงครามเย็นเป็น “สิ่งที่จะทำอยู่ฝ่ายเดียวไม่ได้” และระบุว่าวอชิงตันควรตอบสนองต่อทุกๆ การละเมิด
วอชิงตันและมอสโกต่างตั้งแง่ต่อพันธะผูกพันที่อีกฝ่ายหนึ่งมีต่อสนธิสัญญาว่าด้วยอาวุธนิวเคลียร์พิสัยปานกลาง (INF) มายาวนาน โดยสนธิสัญญาฉบับนี้ได้ทำให้จรวดร่อน (cruise missile) ประเภทยิงจากภาคพื้นดิน ที่มีพิสัยทำการ 500-5,500 กิโลเมตร ทั้งแบบที่ติดตั้งและแบบที่ไม่ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ถูกกำจัดหมดไปในช่วงใกล้สิ้นสุดสงครามเย็น
แอชตัน คาร์เตอร์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้ซึ่งคาดว่าจะได้รับการรับรองจากวุฒิสภาอย่างรวดเร็ว กล่าวว่า สหรัฐฯ มีขอบเขตในการดำเนินการที่สามารถเลือกใช้ได้ รวมถึงมาตรการป้องกันและขัดขวาง หากรัสเซียละเมิดสนธิสัญญา
“ผมคิดว่าคุณต้องเตือนรัสเซียว่าสนธิสัญญาฉบับนี้เป็นสิ่งที่จะทำอยู่ฝ่ายเดียวไม่ได้” คาร์เตอร์กล่าวในการไต่สวนรับรองตัวเขาของวุฒิสภา
“หากคุณไม่ต้องการมีสนธิสัญญาฉบับดังกล่าว คุณก็ควรพิสูจน์ตัวเองว่าคุณไม่ได้ละเมิดข้อกำหนดในสนธิสัญญาฉบับนั้น และทางเราก็จะทำเช่นนั้นด้วย”
สหรัฐฯ เคยระบุว่า การทดสอบจรวดร่อนประเภทยิงจากภาคพื้นดินของรัสเซียละเมิดสนธิสัญญาว่าด้วยอาวุธนิวเคลียร์พิสัยปานกลาง (INF) ปี 1987 ด้านรัสเซียโต้แย้งว่า การใช้โดรนของและอาวุธพิสัยกลางอื่นๆ ของวอชิงตันก็เทียบเท่ากับการละเมิด
ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศนี้อยู่ในช่วงตกต่ำที่สุดนับตั้งแต่ช่วงสงครามเย็น เพราะบทบาทของรัสเซียในวิกฤตยูเครน คาร์เตอร์ยังกล่าวในการไต่สวนด้วยว่า เขากำลังเอนเอียงเห็นชอบกับการติดอาวุธให้ยูเครนเพื่อป้องกันตนเองจากกลุ่มบางแยกดินแดนที่มีรัสเซียคอยหนุนหลัง ความเคลื่อนไหวซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม เขากล่าวเตือนทิ้งท้ายว่าเป้ามายจะต้องยังคงอยู่ที่การกดดันรัสเซียทางเศรษฐกิจและการเมือง