เอเอฟพี – จำนวนของอาวุธนิวเคลียร์ในโลกยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องในปีนี้ด้วยอัตรที่ช้าลงกว่าปีก่อนๆ สถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติ (เอสไอพีอาร์ไอ) ในกรุงสตอกโฮล์มเผยวันนี้(16)
“ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา จำนวนหัวรบนิวเคลียร์ทั้งหมดในโลกได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง” คณะวิจัยกล่าวในรายงานประจำปีของสถาบันเรื่องกองกำลังนิวเคลียร์โลก
“จำนวนที่ลดลงส่วนใหญ่เป็นผลมาจากนโยบายของรัสเซียและสหรัฐ ซึ่งครอบครองอาวุธนิวเคลียร์รวมกันแล้วมากกว่า 93 เปอร์เซ็นต์ของอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมดในโลก”
ในปีนี้จำนวนของหัวรบนิวเคลียร์ในโลกได้ลดลงไป 930 หัวจากของจำนวนของเมื่อปี 2013 ซึ่งอยู่ที่ 16,300 หัว แต่เมื่อเทียบกับเมื่อปี 2011 แล้ว ตัวเลขดังกล่าวกลับเคยลดได้ถึง 2,070 หัว จากจำนวนของเมื่อปี 2010 ซึ่งอยู่ที่ 20,530 หัว
คณะวิจัยเตือนว่าตัวเลขที่ลดลงไปนี้ไม่ได้สะท้อนว่ามหาอำนาจเหล่านี้มีเจตนารมณ์ที่จะปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างแท้จริง
สหรัฐฯและรัสเซียยังคงครอบครองหัวรบอยู่ราว 7,300 และ 8,000 หัวตามลำดับ เมื่อช่วงต้นปีนี้ เอสไอพีอาร์ไอเผย
“เป็นอีกปีที่บรรดาประเทศผู้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์แทบจะไม่ทำสิ่งใดเลยที่แสดงให้เห็นถึงความสมัครใจอย่างแท้จริง ต่อการมุ่งปลดอาวุธนิวเคลียร์ของพวกเขาอย่างสมบูรณ์แบบ” แชนนอน ไคล์ และ ฟิลลิป แพตตัน สเคลล์ นักวิจัยเอสไอพีอาร์ไอ กล่าวในถ้อยแถลง
“โครงการเพื่อความก้าวหน้าระยะยาวที่ประเทศเหล่านี้ทำกันอยู่ชี้ให้เห็นว่าพวกเขายังมองว่าอาวุธนิวเคลียร์จะยังคงเป็นองค์ประกอบทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญ”
ขณะที่สองมหาอำนาจนิวเคลียร์เดินหน้าลดหัวรบในคลังแสงของพวกเขาต่อไป เหล่าผู้ครอบครองนิวเคลียร์ประเทศอื่นๆ รวมถึงอังกฤษและฝรั่งเศสยังคงจำนวนเท่าเดิมคือที่ 225 และ 300 หัวรบตามลำดับ
“จีน อินเดีย และปากีสถานคือกลุ่มประเทศผู้ครอบครองนิวเคลียร์เพียงกลุ่มเดียวที่ขยายคลังสรรพาวุธนิวเคลียร์ของพวกเขา ขณะที่อิสราเอลดูเหมือนกำลังรอประเมินสถานการณ์อิหร่านจะไปในทิศทางใด” เอสไอพีอาร์ไอ แถลง
รายงานชิ้นนี้ระบุว่า เมื่อช่วงต้นปี 2014 จีนครอบครองหัวรบนิวเคลียร์ทั้งหมด 250 หัว อินเดียอยู่ที่ 90 - 110 หัว ปากีสถานอยู่ที่ระหว่าง 100 - 120 หัว อิสราเอล 80 หัว
ในส่วนของเกาหลีเหนือ รายงานระบุว่ามีหัวรบอยู่ระหว่าง 6-8 หัว
อย่างไรก็ตาม สเคล นักวิจัยเอสไอพีอาร์ไอบอกต่อเอเอฟพีว่า ตัวเลขดังกล่าวยึดจากปริมาณของพลูโตเนียมที่เกาหลีเหนือสามารถนำมาใช้ผลิตหัวรบนิวเคลียร์ได้เป็นหลัก และไม่ได้ขึ้นอยู่กับศักยภาพของโสมแดงที่จะใช้มันเป็นอาวุธได้อย่างมีประสิทธิภาพ