เอเอฟพี - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ได้ของบ 8.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.86 แสนล้านบาท) สำหรับดำเนินภารกิจปราบปรามกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรง “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ทั้งนี้ตามการเปิดเผยงบประมาณประจำปี 2016 วานนี้ (2 ก.พ.)
เงินงบประมาณรวม 5.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.72 แสนล้านบาท) จะถูกจัดสรรไปให้กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ใช้ดำเนิน “ยุทธการแก้ปัญหาถาวร” (Operation Inherent Resolve) ซึ่งหมายรวมถึงการดำเนินปฏิบัติการโจมตีทางอากาศกวาดล้างกลุ่มหัวรุนแรงในอิรักและซีเรีย ที่ดำเนินเรื่อยมานับแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐฯ ระบุกับเอเอฟพีว่า เครื่องบินรบของแดนอินทรี และชาติพันธมิตรได้ทิ้งระเบิดโจมตีรอบเมืองโคบานี ของซีเรียแล้ว 705 ครั้ง นับตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ปีที่แล้ว ภายหลังกลุ่มนักรบญิฮาดหัวรุนแรงไอเอสบุกเข้ายึดเมืองชายแดนแห่งนี้
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในรวบรวมกลุ่มชาติพันธมิตรเพื่อร่วมกันกำราบกลุ่มไอเอส ได้ของบเพิ่มอีก 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1.13 แสนล้านบาท)
ฮีทเธอร์ ฮิกกินบ็อตทอม รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประเทศด้านการบริหารจัดการระบุว่า เงินก้อนนี้จะถูกนำไป “เสริมสร้างความแข็งแกร่งแก่ชาติภาคีในภูมิภาค ... จัดหาความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และฝึกฝนกบฏซีเรียที่ยึดมั่นในแนวทางสายกลาง”
เธอกล่าวเสริมว่า เงินทุนก้อนนี้ยังจะช่วยพัฒนา “ความร่วมมือกับชาติพันธมิตรในการสกัดกั้น และทำลายกลุ่ม (ไอเอส) ในที่สุด”
“ในเวลานี้ (ไอเอส) กำลังเป็นภัยต่ออิรัก ซีเรีย และเหล่าชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ ตลอดจนชาติภาคีทั่วทั้งภูมิภาคตะวันออกกลาง เนื่องจากกลุ่มหัวรุนแรงกลุ่มนี้เพียรพยายามโค่นล้มรัฐบาล ยึดครองดินแดน ปลูกฝังคติก่อการร้ายแก่ประชากรในท้องที่ ตลอดจนก่อเหตุโจมตีสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรทั่วโลก” โอบามาระบุในคำขออนุมัติเงินงบประมาณ
หนังสือฉบับดังกล่าวระบุเพิ่มเติมว่า “วิกฤตสู้รบในที่ซีเรียที่ยังไม่สงบลง กำลังเป็นภัยต่อความมั่นคงในภูมิภาคมากขึ้นเรื่อยๆ บีบให้ประชาชนต้องอพยพหนีการไล่ล่าออกจากบ้านเกิดเมืองนอนแล้วกว่า 10 ล้านคน”
“งบประมาณก้อนนี้จะถูกนำไปใช้เป็นทุนสำหรับปฏิบัติทางการทหาร การทูต การปกครอง และภารกิจด้านมนุษยธรรม ตลอดจนการดำเนินโครงการความช่วยเหลือด้านความมั่นคง เพื่อจัดการกับปัญหาท้าทายเหล่านี้”
นอกจากนี้ ฮิกกินบ็อตทอมยังระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ของบเพิ่มอีก 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.57 หมื่นล้านบาท) ไว้สำหรับดำเนินกิจการทูตในอิรัก ซึ่งเป็นดินแดนที่ไอเอสบุกยึดครองดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาล