เอเจนซีส์ - นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชินโซ อาเบะ แถลงต่อรัฐสภาในวันจันทร์ (2กพ.) ว่า เขาต้องการให้เปิดการอภิปรายถึงความเป็นไปได้ที่จะส่งกำลังทหารแดนอาทิตย์อุทัยไปช่วยชีวิตพลเมืองชาวญี่ปุ่นในต่างแดน ขณะที่รัฐบาลของเขากำลังถูกวิจารณ์อย่างหนัก จากความล้มเหลวในการช่วยเหลือตัวประกันจากน้ำมือของกลุ่ม “รัฐอิสลาม” ไอเอส โดยที่ขาดแคลนทั้งทรัพยากรการทูตในตะวันออกกลาง และข้อมูลข่าวกรองในการจัดการวิกฤตระหว่างประเทศ
กลุ่มไอเอสระบุในคลิปวิดีโอซึ่งเผยแพร่เมื่อคืนวันเสาร์ (31ม.ค.) ว่า ได้ฆ่าตัดศีรษะ เคนจิ โกโตะ ตัวประกันชาวญี่ปุ่นที่เป็นนักข่าวอิสระ ภายหลังความพยายามของรัฐบาลญี่ปุ่นและนานาชาติเพื่อหาทางให้เขาได้รับการปล่อยตัวด้วยการแลกเปลี่ยนนักโทษ ต้องประสบความล้มเหลวลง ไอเอสยังได้สังหาร ฮารูนะ ยูกาวะ ตัวประกันชาวญี่ปุ่นอีกผู้หนึ่งไปเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อนหน้านั้น
ระหว่างการแถลงต่อคณะกรรมาธิการชุดหนึ่งของรัฐสภาญี่ปุ่นในวันจันทร์ อาเบะยังคงย้ำประณามนักรบญิฮัดสุดโต่งกลุ่มนี้ และบอกว่าญี่ปุ่นมีความมุ่งมั่นอย่างหนักแน่นเต็มที่เพื่อแสดงความรับผิดชอบในฐานะสมาชิกประชาคมโลก ในการต่อสู้กับลัทธิก่อการร้าย และการปกป้องพลเมืองในชาติ
ผู้นำญี่ปุ่นเสริมว่า ต้องการหารือกับรัฐสภาเกี่ยวกับกรอบโครงนโยบายเพื่อให้ความช่วยเหลือตัวประกันญี่ปุ่นที่ถูกจับในต่างแดน
ทั้งนี้ ความล้มเหลวในการช่วยเหลือตัวประกัน 2 คนในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา กำลังทำให้เกิดความข้องใจสงสัยในความสามารถของรัฐบาลญี่ปุ่นในการรับมือวิกฤตระหว่างประเทศ รวมทั้งฟ้องถึงความอ่อนแอในด้านทรัพยากรการทูตของญี่ปุ่นในตะวันออกกลาง
ทาเคชิ คาวาคามิ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยทาคูโชกุ ชี้ว่า รัฐบาลขาดแคลนข้อมูลที่จำเป็นในการรับมือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และวิกฤตตัวประกันครั้งนี้เป็นสัญญาณเตือนว่า ญี่ปุ่นต้องเพิ่มปฏิบัติการด้านข่าวกรองทั้งในและนอกประเทศ
เห็นได้ชัดว่า ในเหตุการณ์คราวนี้ ญี่ปุ่นแทบจะทุ่มเทหวังพึ่งแต่เพียงจอร์แดน พันธมิตรสำคัญในตะวันออกกลาง ขณะที่จอร์แดนเองก็กำลังพยายามช่วยเหลือนักบินของตนที่ถูกไอเอสจับไปเช่นเดียวกัน
มาซาโนริ ไนโตะ ศาสตราจารย์ด้านอิสลามศึกษาและตะวันออกกลางศึกษาจากมหาวิทยาลัยโดชิชะ ในเกียวโต แสดงความเห็นว่า ญี่ปุ่นควรดำเนินการอย่างชาญฉลาดกว่านี้ด้วยการขอความช่วยเหลือจากตุรกี ที่ก่อนหน้านี้สามารถช่วยเหลือตัวประกันที่ถูกไอเอสจับไปได้
หนังสือพิมพ์โยมิอุริแสดงทัศนะว่า รัฐบาลควรหารือแนวคิดในการใช้กำลังทหารเพื่อช่วยเหลือพลเมืองที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายในต่างแดน
อาเบะนั้นพยายามมาโดยตลอดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญใฝ่สันติ เพื่อขยายบทบาททางทหารของญี่ปุ่นจากที่ถูกจำกัดอยู่เพียงการป้องกันตนเองนับจากหลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา
ทว่า แนวคิดดังกล่าวได้รับการตอบสนองอย่างเฉยชาจากประชาชน มิหนำซ้ำวิกฤตตัวประกันครั้งนี้ยิ่งเพิ่มความไม่ไว้วางใจในตัวอาเบะเกี่ยวกับการเพิ่มบทบาททางการทูตของญี่ปุ่นในเวทีโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากข้อความในคลิปสังหารโกโตะที่ไอเอสระบุว่า การสังหารตัวประกันชาวญี่ปุ่น เป็นผลจากนโยบายที่ “เลินเล่อ” ของโตเกียว พร้อมเตือนว่า นี่อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของฝันร้ายของแดนอาทิตย์อุทัย
ตัวประกันชาวญี่ปุ่นทั้ง 2 คนนี้ถูกไอเอสจับไปก่อนหน้านี้หลายเดือนแล้ว แต่หลายฝ่ายมองว่าวิกฤตเริ่มต้นขึ้นหลังจากอาเบะประกาศระหว่างเยือนตะวันออกกลางเมื่อเดือนที่แล้วว่า จะให้เงินช่วยเหลือ 200 ล้านดอลลาร์แก่ผู้อพยพจากพื้นที่ที่ไอเอสเข้ายึดครองในซีเรียและอิรัก โดยปรากฏว่าทางไอเอสออกมาเรียกเงินค่าเงินค่าไถ่เป็นจำนวนเดียวกันนี้ ไม่เช่นนั้นก็จะสังหารโกโตะ และ ยูกาวะ
หลังจากไอเอสสังหารโหดยูกาวะในวันที่ 24 มกราคม และเปลี่ยนข้อเรียกร้องจากค่าไถ่เป็นการแลก โกโตะ กับนักโทษที่เป็นนักรบญิฮัดหญิงในจอร์แดน รัฐบาลญี่ปุ่นก็แสดงความกระตือรือร้นให้ความสนใจกับเรื่องนี้เป็นลำดับต้นๆ
อย่างไรก็ตาม โตเกียวยอมรับว่าการเจรจาถึงทางตัน ไม่กี่วันก่อนที่ไอเอสจะแพร่คลิปสังหารโกโตะ รวมทั้งยังยอมรับว่า นักการทูตไม่เคยติดต่อโดยตรงกับไอเอส และไม่เคยเจรจาโดยตรงเรื่องการจ่ายค่าไถ่
ญี่ปุ่นนั้นตั้งทีมประสานงานในโตเกียวหลังจากยูกาวะถูกจับเมื่อปีที่แล้ว และส่งนักการทูตไปยังตะวันออกกลางหลังจากไอเอสเรียกร้องค่าไถ่ยูกาวะและโกโตะในเดือนที่ผ่านมา แต่ที่น่าสงสัยคือ นับจากล่วงรู้ว่าพลเมืองถูกจับไป รัฐบาลญี่ปุ่นแทบไม่เปิดเผยใดๆ เกี่ยวกับความคืบหน้าในการช่วยเหลือตัวประกันทั้งคู่ หรือเปิดเผยว่า มีการติดต่ออย่างเป็นรูปธรรมในพื้นที่เพื่อช่วยเหลือตัวประกันหรือไม่
หนังสือพิมพ์อาซาฮีเตือนว่า รัฐบาลควรปรับปรุงมาตรการรับมือวิกฤต รวมทั้งตระหนักว่า บทบาทในการเป็นชาติผู้บริจาคความช่วยเหลือ ไม่ได้รับประกันว่าประเทศจะรอดพ้นจากความรุนแรง
สำหรับความเคลื่อนไหวทางด้านอื่นๆ เมื่อวันอาทิตย์ (1) คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ออกคำแถลงประณามการสังหารเคนจิ โกโตะ นักข่าวญี่ปุ่น ว่าเป็นการกระทำที่เลวทรามและขี้ขลาด และระบุว่า ต้องนำตัวผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้มารับโทษ พร้อมเรียกร้องให้กลุ่มไอเอส และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายอัล-กออิดะห์อื่นๆ ปล่อยตัวประกันทั้งหมดอย่างปลอดภัยโดยไม่มีเงื่อนไขทันที