เอพี - ไม่ว่าจะเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นที่ได้รับความเสียหายจากคลื่นยักษ์สึนามิ หรือเซียร์ราลีโอนที่บอบช้ำจากวิกฤตความขัดแย้ง สิ่งที่ผลักดันให้นักข่าวชื่อ “โกโตะ” ลงพื้นที่ประสบภัยคือความปรารถนาที่จะเสนอเรื่องราวชีวิตของผู้เคราะห์ร้าย เด็กๆ และคนยากจน ให้คนทั่วโลกได้รับรู้
ข่าวการสังหารเขา ที่เปิดเผยออกมาพร้อมกับคลิปวิดีโอล่าสุดของกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรง “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ได้สร้างความตกตะลึง และโศกสลดแก่ประชาชนชาวญี่ปุ่นในวันนี้ (1 ก.พ.) ภายหลังที่เขาพลาดท่าถูกจับเป็นตัวประกันในซีเรียตั้งแต่เมื่อเดือนตุลาคม จนจุดประกายให้ประชาชนออกมาชุมนุมเรียกร้องให้ช่วยชีวิตเขา
“ผมชอบใกล้ชิดกับผู้คน เพราะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเข้าถึงผู้คนในแบบของผม” โกโตะวัย 47 ปี กล่าวถึงงานของตัวเอง “เมื่อได้ใกล้ชิดกับพวกเขา ผมก็มีโอกาสได้พูดได้คุยกับประชาชน ได้รับฟังความคิดเห็นของพวกเขา ได้รับรู้ทั้งความเจ็บปวด และความหวัง”
ชายผมหางม้าท่าทางเป็นมิตร ผู้เป็นเจ้าของเสียงหัวเราะแบบสบายใจไร้กังวลผู้นี้ คือนักข่าวอิสระผู้มากประสบการณ์ และเคยทำงานร่วมกับผู้สร้างภาพยนตร์ และผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ญี่ปุ่นอยู่บ่อยครั้ง นอกจากนี้ สื่อกระแสหลักของแดนอาทิตย์อุทัยยังเคยนำเสนอทัศนะของโกโตะเป็นบางครั้งบางคราว
เมื่อปี 2005 เขาเคยเขียนหนังสือบอกเล่าเรื่องราวความทุกข์ทรมานของเด็กๆ ในเซียร์ราลีโอนที่มีชื่อว่า “We Want Peace, Not Diamonds.” (สิ่งที่เราต้องการคือสันติภาพ ไม่ใช่เพชร)
อย่างไรก็ตาม โกโตะได้เฝ้าย้ำเตือนเสมอมาว่า เขาไม่ใช่นักข่าวสายสงคราม โดยสำทับว่าตัวเองชอบเสนอเรื่องราวชีวิตคนธรรมดา ซึ่งมักอยู่ห่างจากเขตสู้รบหนึ่งก้าว สิ่งที่เขาทำคือการลงพื้นที่ค่ายผู้ลี้ภัยและเด็กกำพร้า เพื่อเก็บข้อมูลนำเสนอเรื่องราวๆ ของเด็กๆ ที่ต้องตกเป็นเหยื่อความรุนแรง สภาวะอดอยาก และฝันร้าย
สิ่งที่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าโกโตะเป็นที่รักใคร่ และเป็นคนซื่อสัตย์ คือการที่ประชาชนมากมายหลั่งไหลออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนให้รัฐบาลญี่ปุ่นช่วยเหลือโกโตะ เมื่อทราบข่าวว่าเขาถูกจับเป็นตัวประกัน
หน้าเพจเฟซบุ๊ก ซึ่งตั้งขึ้นมาทันทีหลังกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงไอเอสแพร่คลิปวีดีโอขู่สังหารเขาเป็นครั้งแรก มีผู้เข้ามากด “ถูกใจ” หลายหมื่นคน และมีการโพสต์ภาพผู้คนมากมายไม่เพียงที่ญี่ปุ่นเท่านั้น แต่จากทั่วทุกมุมโลก พร้อมใจกันถือป้ายที่มีข้อความว่า “ฉันคือเคนจิ”
“เคนจิยังอยู่...ในหัวใจของเราทุกคน ยังอยู่ในงานที่เราทำทุกวัน เมื่อใดก็ตามที่คุณส่งยิ้มให้ผู้คนรอบข้าง แน่นอนว่าคุณต้องสามารถจดจำรอยยิ้มที่เคนจิมอบให้เรา” ทาคุ นิชิมาเอะ ผู้สร้างภาพยนตร์ ที่พำนักในนครนิวยอร์ก และเป็นผู้ตั้งเฟซบุ๊กให้โกโตะระบุ
มีผู้สนับสนุนหลายพันคนร่วมกันเข้าชื่อในคำร้องออนไลน์ฉบับหนึ่ง ซึ่งทำขึ้นเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่นทุ่มเทความพยายามช่วยชีวิตโกโตะให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีฝูงชนแห่แหนไปรวมตัวหน้าทำเนียบนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ พร้อมถือป้ายที่มีข้อความว่า “ปล่อยเคนจิ” และ “ฉันคือเคนจิ”
คนที่รู้จักโกโตะ กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาเป็นสุภาพบุรุษและคนซื่อสัตย์ เมื่อวันอาทิตย์ (1) คนมากมายตามท้องถนนพากันถือหนังสือพิมพ์ “โยมิอูริ” ฉบับพิเศษ ขณะแสดงความตะลึงงันทีกลุ่มนักรบญิฮาดหัวรุนแรงปลิดชีพนักข่าวชาวญี่ปุ่น ตามหลัง เจมส์ โฟลีย์ ผู้สื่อข่าวชาวอเมริกัน และสตีเวน ซอทลอฟฟ์ ผู้สื่อข่าวชาวอเมริกัน-อิสราเอล ที่อยู่ในหมู่ชาวตะวันตกที่ถูกกลุ่มไอเอสฆ่าตัดศีรษะเมื่อปีที่แล้ว
จุนโกะ อิชิโด แม่ของโกโตะบอกว่า “เคนจิก็แค่ออกเดินทางต่อไป ... สิ่งเดียวที่ฉันหวังตอนนี้คือ อยากให้เราสานต่อภารกิจช่วยเหลือเด็กๆ จากสงคราม และความยากจน ต่อจากเคนจิ”
ทั้งนี้ โกโตะเคยถูกกลุ่มหัวรุนแรงในตะวันออกกลางจับตัวมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ทว่า เขาไดรับการปล่อยตัว เมื่อเขายืนยันว่าตนเป็นผู้สื่อข่าว
ตามคำบอกเล่าของ รินโกะ โจโก ภรรยาของตัวนักข่าวชาวญี่ปุ่นผู้นี้ โกโตะ ออกเดินทางไปยังซีเรียเมื่อปลายเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เพื่อหาทางช่วยชีวิตฮารูนะ ยูกาวะ เพื่อนของเขาที่ถูกกลุ่มหัวรุนแรงรัฐอิสลามจับเป็นตัวประกันตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ก่อนจะถูกสังหารไปเมื่อไม่นานมานี้
โชอิจิ ยูกาวะ พ่อของยูกาวะถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ขณะเข้าร่วมงานแถลงข่าวการตายของโกโตะ
เขากล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “โกโตะเป็นคนจิตใจดี และกล้าหาญ”
โกโตะเดินทางไปยังซีเรีย ภายหลังภรรยาคลอดลูกคนที่ 2 ของเขาได้เพียงไม่กี่สัปดาห์ และได้ถ่ายวิดีโอไว้ก่อนออกเดินทาง
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับผม ผมจะยังรักชาวซีเรียอย่างนี้เสมอไป” เป็นคำพูดสุดท้ายที่โกโตะกล่าวไว้ในวิดีโอเพียงไม่นานก่อนออกเดินทางไปยังเมืองรอกเกาะห์ ฐานที่มั่นสำคัญของกลุ่มรัฐอิสลาม