เอเอฟพี - หน่วยงานด้านคมนาคมขนส่งของสหรัฐฯ ได้เรียกคืนรถยนต์เป็นครั้งที่ 2 ด้วยตัวเลขมากกว่า 2 ล้านคัน ซึ่งมีทั้งของโตโยต้า ฮอนด้า ไครสเลอร์ ฯลฯ อันเนื่องมาจากปัญหาถุงลมนิรภัยเกิดทำงานขึ้นมาเองในขณะที่รถยนต์กำลังวิ่งอยู่
สำนักงานความปลอดภัยการจราจรทางหลวงแห่งชาติสหรัฐฯ (เอ็นเอชทีเอสเอ) ระบุเมื่อวันเสาร์ (31 ม.ค.) ว่าการสั่งเรียกคืนรถยนต์ดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากที่มีถุงลมนิรภัยทำงานเองแบบคาดไม่ถึง ในรถยนต์ราวๆ 40 คัน ซึ่งเคยผ่านการแก้ไขตอนเรียกคืนครั้งก่อน การเรียกคืนรอบสองจะมีผลต่อรถยนต์รวมทั้งสิ้น 2.12 ล้านคัน
“นับเป็นโชคร้ายสำหรับเจ้าของรถที่ต้องเจอกับประเด็นปัญหาที่ซับซ้อน จนต้องส่งคืนรถยนต์มากกว่าหนึ่งครั้ง” มาร์ก รอสไคน์ ผู้อำนวยการของเอ็นเอชทีเอสเอ ระบุ
“นี่เป็นประเด็นความปลอดภัยเร่งด่วน เจ้าของรถทุกคันที่เคยถูกเรียกคืนรถยนต์ครั้งก่อน ควรจะได้รับการปรับปรุงแก้ไขรถยนต์” เขากล่าว
ในการเรียกคืนครั้งล่าสุดนี้ มีรถยนต์ของโตโยต้าและฮอนด้าราว 1 ล้านคัน ที่ติดตั้งถุงลมนิรภัยของทาคาตะ ซึ่งถุงลมเหล่านี้อาจจะทำงานขึ้นมาเองแบบไม่คาดคิดในขณะที่รถกำลังวิ่งอยู่ ทำให้คนขับมีโอกาสได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้
บรรดารถยนต์ที่ถูกเรียกคืนรอบล่าสุดมีหลากหลายรุ่น เช่น อคูรา เอ็มดีเอ็กซ์, ดอดจ์ ไวเปอร์, จี๊ป แกรนด์ เชอโรกี, จี๊ป ลิเบอร์ตี้, ฮอนด้า โอดิสซีย์, พอนทิแอค ไวบ์ , โตโยต้า โคโรลล่า, โตโยต้า เมทริกซ์, โตโยต้า อวาลอน
ปัญหาที่เกี่ยวกับถุงลมนิรภัยของ “ทาคาตะ” ที่มีความเสี่ยงว่าอาจเกิดการระเบิดขึ้นมาได้ จนสร้างความเสียหายภายในห้องโดยสาร ได้ทำให้บรรดาค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของโลกต้องพากันปวดเศียรเวียนเกล้า มีตัวเลขการเรียกคืนรถยนต์ที่สูงถึงประมาณ 20 ล้านคันเข้าไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การระเบิดของถุงลมทาคาตะมีส่วนเชื่อมโยงกับการเสียชีวิตอย่างน้อย 5 รายและได้รับบาดเจ็บอีกหลายร้อยราย
